พี่ว่าการเรียนภาษาเนี่ย ถ้าอยากพูดได้จริง ต้องเรียนตัวต่อตัวเลย ตอนแรกพี่ก็ลองใช้แอพเรียนภาษาต่างประเทศมาก่อน สองเดือนแรกโอเคนะ พอฝึกเบสิคได้ แต่เริ่มเจอปัญหาแล้ว พอเรียนผ่านแอพมันมีสอนพูดนิดหน่อยแต่ก็พูดไม่เต็มปากเต็มคำ
หาครูอยู่นานมาก หาจนตาลาย
เริ่มจากเสิร์ชในเพจเฟสบุ๊ค ใส่คีย์เวิร์ดว่า “เรียนพูดภาษาไทยตัวต่อตัว” ปรากฎว่าเจอบอร์ดประกาศเต็มไปหมด เลือกไม่ถูก! สุดท้ายพี่กรองเอาคนที่สอนออนไลน์ได้กับรีวิวดีๆ กดติดต่อไปห้าคน ครูสามคนตอบกลับมา ราคาเริ่มต้นชั่วโมงละ 400-700 บาท เอาจริงแพงกว่าราคาเรียนกลุ่มพอสมควร แต่พี่รวบรวมสตางค์ไว้แล้ว
จุดเปลี่ยนคือวันทดลองเรียนฟรี
ครูคนแรกสอนจบวรรณคดีไทย อึ้ง! ครูคนสองนัดเก้าโมงเช้า พี่นั่งรอหน้าจอแต่ครูสายครึ่งชั่วโมง สุดท้ายได้คุยกับครูคนที่สาม (น้องปุ๊ก) ผ่านซูม วันนั้นพี่วางไม่เป็นเลย เอ๋อ! อะไรควรพูดก่อนหลัง แต่ครูเขาออกแบบบทเรียนได้เจ๋งมาก:
- เริ่มจากรูปภาพ: ครูเอาภาพตลาด นั่งร้านข้าวแกง ถามว่า “เห็นอะไรบ้าง? สีอะไร? รู้สึกยังไง?”
- เล่าเรื่องในชีวิต: ให้พี่พูดเรื่องที่บ้านตัวเอง เน้นแบบช้าๆ ไม่ต้องรีบ
- ทวนแบบธรรมชาติ: เวลาพี่พูดตกหล่น ครูจะพูดใหม่ให้ฟังเป็นตัวอย่างแล้วให้พี่พูดตาม แบบไม่ต้องเกร็ง
- มีหัวเราะ: พี่พูดผิดไปบอกว่า “เมื่อวานผม…กินข้าว…ตอนเช้า?” ครูก็หัวเราะพร้อมแก้ให้ “กินข้าวเช้าครูนะคะ ไม่ใช่ตอนเช้า!” แค่นี้ก็ฮาแล้ว
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก มันรู้สึกปลอดภัย ไม่เหมือนนั่งตอบคำถามในห้องสอบ มันคือการคุยจริงๆ ที่เราไม่ต้องกลัวโดนล้อว่าพูดเพี้ยน พูดตก! นี่แหละคือ “การได้ใช้ภาษา” ไม่ใช่แค่ท่องจำ
ตัดสินใจจับพลัดจับผลูเลย
หลังทดลองเรียน พี่บอกน้องปุ๊กตรงๆ ว่า “สอนดีมากเลยครับ จะจองคอร์สเรียนกับครูแล้วกัน” จ่ายเงินสิบชั่วโมงล่วงหน้า พี่กับครูตกลงเรียนอาทิตย์ละสามครั้ง ครั้งละชั่วโมง เรียนสองเดือนโดยประมาณ ไม่มีหนังสือเรียน แพ็กเกจพิเศษอะไรหรอก ครูใช้ชีวิตประจำวันเป็นสื่อทั้งหมด บางทีก็ให้ดูทวีต เฟสบุ๊ค แคปเชอร์ในกลุ่มไลน์ แล้วมาคุยกันว่าเข้าใจหรือเปล่า? ตีความได้ไหม?
เดือนแรกปวดหัวมาก พูดติดๆ ขัดๆ นึกคำไม่ค่อยออก พี่เริ่มท้อว่ายอมแพ้ดีมั้ย? แต่ครูนี่แหละที่คอยเตือนว่า “ไม่ต้องเครียดครับพี่ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่มีใครฟันธงว่าเดือนเดียวต้องพูดคล่องเป๊ะ” ช่วงนี้สำคัญสุดเลยนะ บันไดขั้นแรกที่เราอยากกระโดดลงไป! พี่ก็เลยดันต่อ
เดือนที่สอง น้ำเริ่มไหล!
พี่สังเกตตัวเองได้ชัดมาก! จากที่ต้องนั่งนิ่งเกาหัว หยุดเป็นช่วงๆ เดี๋ยวนี้เล่าเรื่องบ้านตัวเองเรื่องสัตว์เลี้ยงได้ยาวขึ้น บางวันคุยกับครูเกือบครึ่งชั่วโมงโดยที่ครูไม่ต้องพูดนำมาก อาการคิดภาษาไทยในหัวแบบหนีบๆ คางแทบหักนี่ลดลงไปมาก ตอนนี้ไม่ใช่แค่ตอบคำถามครู แต่จะลองตั้งคำถามกับครูด้วย “แล้วครูมีวิธีเทคนิคช่วยผม…รึเปล่าครับ?” มันรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงจริงๆ เหมือนกล้ามเนื้อพูดในสมองเริ่มใช้งานได้แล้ว
สรุปปิดท้ายเลยนะ เรียนตัวต่อตัวมันทำให้การฝึกพูดไม่ใช่ยาขมอีกต่อไป ไม่ต้องอายคนอื่น สนทนาตรงจุดที่เราติดขัดได้เต็มที่ ถ้าพื้นฐานน้อยก็ไปช้าๆ ได้ถ้าพร้อม ก็พุ่งเร็วได้ เพราะครูเขาปรับตามหัวใจเราเป๊ะๆ ใช่…ราคาสูงกว่าเรียนกลุ่ม แต่มันคือการลงทุนที่ได้ผลลัพธ์ชัวร์สำหรับคนอยากพูดได้จริง แบบพี่!
ใครหัดพูดภาษาไทยอยู่นะ พี่ว่า “เรียนตัวต่อตัว” นี่ลืมมองไม่ได้เลยนะ คุยให้สนุก จะได้ไม่ต้องเอ๊ะ! เองนานเหมือนพี่