วันนี้แอบขำตัวเองนิดหน่อย คือจู่ๆก็นึกอยากฝึกภาษาอังกฤษขึ้นมาเลย ทั้งที่ตัวเองเป็นคนไทยแท้ๆ ไม่รู้มีเงื่อนอะไรในหัว สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการลุยเดี่ยวไม่ต้องไปเข้าเรียนพิเศษให้เสียตัง
ขั้นตอนแรกคือดาหน้าต่อยกไอ้เก่าขึ้นจากลัง
ตะกี้อุ่นเครื่องด้วยการขุดสมุดเล่มหนาๆเล่มหนึ่งที่ซื้อไว้ตอนไปเที่ยวพม่าปีก่อนนู้น ซัดฝุ่นออกปุ๊ปก็พลิกไปเจอบทสนทนา “ordering coffee” นี่แหละที่คิดว่าง่ายสุดแล้ว หยิบปากกาแดงมาจิกเส้นใต้คำที่ใช้บ่อยอย่าง “take away” กับ “for here” แหมะมันอยู่คนละมุมกระดาษเลยอ่ะ ขีดไว้เผื่อจำไม่หลง
- สมุดปอนด์ที่กลายเป็นปึกกระดาษแหว่ง
- ปากกาเน้นสีชมพูเปรี้ยวปรี๊ด
- เครื่องรับ魂(มือถือ) ไว้เปิดฟังสำเนียง
เปิดยูทูปหัดฟังเจ้าของภาษาเขาพูดจริงๆเนี่ย ปรับความเร็วเป็น 0.75x ยังแอบร้องว้ายตอนเขาเลื่อนเสียงสูงต่ำ บังเอิญพอพูดถึงนมแบบ “oat milk” สะดุดที่สำเนียงเป๊ะเวอร์ ฟังซ้ำสามรอบเพิ่งรู้ตัวว่ายืนกดปุ่มซ้ำจนนิ้วล็อคแล้ว -..-
ลงมือก่อสงครามในห้องน้ำ
ไม่อยากให้มันยากเกินไปก็เริ่มเขียนประโยคง่ายๆแปะกระจกห้องน้ำ ตอนแปรงฟันคาบแปรงอยู่นั่นแหละ เหล่ตาไปเห็นข้อความ “I’d like a medium latte” แล้วก้มหัวคำนับกระจกซะงั้น ทำแบบนี้ทุกเช้าจนเจ้านายในกระจกยิ้มตอบได้
ระหว่างขับมอเตอร์ไซค์ส่งงานก็ไม่ยอมปล่อยมือ สวมหูฟังแล้วก็ไล่เสียงตัวเองพูดไปด้วย “Excuse me, where is the restroom?” พอเจอไฟแดงคันรถข้างๆมองมาแปลกๆเลยหยุดทันที… ตอนหลังเพิ่งนึกได้ว่าพูดประโยคนี้ตอนขี่รถมันดูละเมียดละไมไปหน่อย 555
พลิกเกมฝึกไปจีบแฟนทางวิดีโอคอลล์ จนมื้อหนึ่งแกล้งทำหลุดถามเป็นภาษาอังกฤษว่า “What should we eat tonight, dear?” แฟนสะอึกเป็นสิงโตขากเสลดเลย ได้ยินเสียงเขาครางเบาๆว่า “เฮ้ยตายละเราไม่ได้เปิดดิก” เราก็ยืนยิ้มแก้มปริในใจล่ะนะ
วันเจอกันบนสังเวียนจริง
กระโดดขึ้นแท็กซี่เรียกผ่านแอพก็ชิ่งไปคาเฟ่ดัง สูดหายใจลึกๆรอคิวที่ตู้สั่งเครื่องดื่ม พอจังหวะมาถึงกดเสียงนิดนึงตะโกนลั่น “Americano, less ice please!” บาริสต้าสาวหน้าตาน่ารักพยักหน้ารับคำแบบไม่ต้องทวนซ้ำ ทั้งๆที่มือเรายังกุมสมุดไว้เปียกเหงื่อเลยนะเนี่ย
ระหว่างนั่งจิบกาแฟก็แอบลักไก่ฟังฝรั่งโต๊ะถัดไปพูดคุย บังเอิญไปเจอเขาพูดวลีเด็ด “You made my day!” จำไวั้วันนี้ในมือถือเรียบร้อย ยอมยืมสัญญาณไวไฟร้านนิดหน่อยเปิดยูทูปหาเพลงนี้มาใส่เพลย์ลิสต์ฝึกฟังต่อด้วย
กลับถึงบ้านเห็นย่าเดินเตะถุงเท้าไปมาในบ้านไม่ยอมหยุด กลิ้งเก้าอี้มาส่งเสียงขรม “Grammy, let me give you a massage!” แม่ยายผงะมองหน้าสะอึก เผลอปล่อยมือจนกระเด็นไปโดนขาตั้งทีวีโป้งเลย เสียฟอร์มสุดๆแต่ก็ทำให้ครอบครัวฮาหมด!
ตอนนี้ติดเชื้อร้ายเรียบร้อย
สุดท้ายชีวิตเริ่มเข้าที่ ตื่นเช้ามาก็ชินแล้วกับการมองตัวเลขโทรศัพท์แล้วพูดออกเสียง “Today is July twelfth.” เวลาเปิดตู้เย็นเจอแปะไว้หน้าไข่ไก่ว่า “Don’t forget to buy milk!” แปะตอนไหนไม่รู้เหมือนกัน บางวันนอนอยู่ก็หงุดหงิดตัวเองขึ้นมาทันทีว่าฉันพูดถูกใช่มั้ยนะเรื่องการเติม “the” ในประโยค ถึงขั้นต้องลุกขึ้นมาจดข้อสงสัยใส่กระดาษแปะตู้เย็นเพิ่ม
สรุปท้ายนี้แม้จะไม่ใช่เทคนิคชั้นสูง แต่มันกลายเป็นนิสัยติดตัวไปแล้ว ตอนนี้เวลารับโทรศัพท์เจออิตถีเพศฝรั่งก็ยังเผลอเปย์คำว่า “Have a lovely day!” ออกไปเองแบบไม่ทันให้คิดได้เลยนะเนี่ย