การเรียนภาษาอังกฤษอาจดูเหมือนเป็นความท้าทายสำหรับหลายคนที่ต้องการพัฒนาทักษะอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม มีวิธีการที่เป็นวิทยาศาสตร์และได้ผลหลายวิธีที่ช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสามเทคนิคต่อไปนี้ซึ่งได้รับการยอมรับว่าสามารถเพิ่มความเร็วในการเรียนได้อย่างมีนัยสำคัญ
1. การสร้างสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ภาษาแบบเข้มข้น
การเรียนไม่ควรจำกัดอยู่แค่ในห้องเรียนหรือตำราเท่านั้น การดำดิ่งเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยภาษาอังกฤษเป็นกุญแจสำคัญในการเร่งการเรียนรู้ ผู้เรียนสามารถ:
- ปรับเปลี่ยนการตั้งค่าอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และแอปพลิเคชั่นต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อชินกับคำศัพท์ในชีวิตประจำวัน
- เลือกสื่อบันเทิงเป็นภาษาอังกฤษ อย่างภาพยนตร์ รายการทีวี หรือพอดแคสต์ โดยเริ่มต้นจากเนื้อหาที่มีซับไตเติ้ลภาษาไทยก่อน แล้วค่อยๆ ลดการพึ่งพาซับไตเติ้ลลง
- จัดหาแหล่งข้อมูลอ่านที่ตรงกับความสนใจ หนังสือ นิตยสาร หรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ หากเลือกเรื่องที่ชอบจะช่วยให้มีแรงจูงใจและเรียนรู้ได้ต่อเนื่องโดยไม่เบื่อ
2. การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอผ่านระบบการทบทวนช่วงเวลาที่เหมาะสม
แทนที่จะใช้วิธีท่องจำในครั้งเดียว การแบ่งเวลาฝึกฝนออกเป็นช่วงสั้นๆ แล้วทบทวนเป็นระยะโดยมีช่วงห่างเพิ่มขึ้น จะช่วยให้สมองจดจำได้ดีขึ้นและยาวนานกว่า การใช้เทคนิคนี้มีประสิทธิภาพมากเพราะ:
- ต่อสู้กับอาการลืมตามธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อได้ทบทวนก่อนที่จะลืม สมองจะยกระดับความจำจากชั่วคราวสู่ระยะยาว
- เพิ่มความคล่องแคล่วโดยอัตโนมัติ การพบเจอคำศัพท์หรือไวยากรณ์ซ้ำๆ ในเวลาที่เหมาะสมจะช่วยให้เรียนรู้ได้ลึกซึ้งโดยไม่ต้องพยายามท่องจำ
- ประหยัดเวลา แม้ดูเหมือนเสียเวลาแต่การฝึกเป็นช่วงสั้นๆ ที่มีการทบทวนกลับมีประสิทธิภาพสูงสุดในระยะยาว
3. ฝึกพูดตั้งแต่เริ่มต้นแม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ
ความกลัวที่จะพูดผิดหรือเกรงใจมักเป็นอุปสรรคสำคัญ ผู้เรียนหลายคนรอให้รู้ศัพท์ครบหรือไวยากรณ์สมบูรณ์ก่อนค่อยพูด ซึ่งทำให้เสียโอกาสในการพัฒนา เทคนิคที่แนะนำคือ:
- ไม่ต้องกังวลกับความสมบูรณ์แบบ ควรสนใจการสื่อสารให้ตรงความหมายเป็นหลักก่อนแม้โครงสร้างประโยคอาจยังไม่ถูกต้องทั้งหมด
- หาโอกาสพูดคุยในชีวิตจริง เช่น คุยกับเพื่อนร่วมชั้น ครูต่างชาติ ผู้ช่วยสอน หรือแม้แต่ฝึกสนทนากับตนเองหน้ากระจก
- นึกคิดเป็นภาษาอังกฤษให้บ่อยขึ้น ฝึกเปลี่ยนความคิดที่เกิดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษในสมอง ช่วยพัฒนาความคล่องแคล่วในการเรียบเรียงประโยค
ทั้งสามเทคนิคนี้ต่างก็เน้นที่การสร้างความคุ้นเคย การฝึกซ้ำอย่างมีกลยุทธ์ และการเอาตัวเองออกไปใช้จริง ผลสัมฤทธิ์ไม่ได้อยู่ที่จำนวนชั่วโมงที่เรียน แต่ขึ้นอยู่กับความชาญฉลาดและความสม่ำเสมอในการนำวิธีปฏิบัติดังกล่าวไปประยุกต์ใช้ ผู้เรียนที่ยึดตามหลักการนี้มักพบความก้าวหน้าที่รวดเร็วและสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดในการเรียนรู้ภาษาได้อย่างน่าพึงพอใจ