การไปเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศเป็นประสบการณ์ที่หลายคนใฝ่ฝัน นอกจากจะได้พัฒนาทักษะภาษาแล้ว ยังได้เปิดโลกทัศน์และเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ อย่างไรก็ดี ค่าใช้จ่ายเป็นปัจจัยสำคัญที่ผู้สนใจต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
ค่าใช้จ่ายหลักที่ต้องคำนวณ
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ได้มีแค่ค่าเรียนเท่านั้น แต่ประกอบด้วยหลายส่วน:
- ค่าธรรมเนียมการศึกษา: ค่าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษขึ้นอยู่กับประเทศ, ระยะเวลา (สัปดาห์หรือเดือน), และชื่อเสียงของสถาบัน โดยเฉลี่ยอาจเริ่มต้นที่ประมาณ 10,000 – 25,000 บาทต่อสัปดาห์ ตัวอย่างเช่น ค่าเรียนในฟิลิปปินส์อาจถูกกว่าที่อังกฤษหรือออสเตรเลียอย่างเห็นได้ชัด ส่วนที่นิวซีแลนด์หรือแคนาดาอาจอยู่กลางๆ
- ค่าที่พัก: เป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ถัดมา ตัวเลือกหลักได้แก่ โฮมสเตย์ (พักกับครอบครัวท้องถิ่น), หอพักนักศึกษา, หรือเช่าอพาร์ทเมนท์ ค่าใช้จ่ายนี้แตกต่างกันมากตามเมือง เช่น กรุงลอนดอน หรือ ซิดนีย์ ย่อมสูงกว่าเมืองเล็กๆ แบบ Homestay คิดเป็นรายสัปดาห์ประมาณ 5,000 – 12,000 บาท ส่วนหอพักหรืออพาร์ทเมนท์อาจประหยัดกว่า หากรวมกันหลายคน
- ค่าครองชีพ: เงินส่วนนี้ครอบคลุมค่าอาหาร, ค่าเดินทางภายในประเทศ (รถเมล์, รถไฟ), ค่าน้ำค่าไฟ, และค่าใช้จ่ายส่วนตัวรายวัน นักเรียนควรเตรียมเงินประมาณ 3,000 – 7,000 บาทต่อสัปดาห์ ขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
- ค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าประกันสุขภาพ: เป็นค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ไม่ควรมองข้าม ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ และประกันสุขภาพที่ครอบคลุมระยะเวลาการเรียน เป็นสิ่งจำเป็น
- ค่าธรรมเนียมวีซ่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ: ค่าสมัครวีซ่า, ค่าตรวจสุขภาพ, ค่าทำเอกสารประกอบต่างๆ
เมื่อรวมทุกส่วนแล้ว ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับการไปเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศ 4 สัปดาห์ อาจเริ่มต้นที่ประมาณ 80,000 บาทขึ้นไป ไปจนถึงหลายแสนบาทสำหรับหลักสูตรระยะยาวหลายเดือนหรือปี
เทคนิคประหยัดค่าใช้จ่าย
แม้การไปเรียนต่อต่างประเทศจะดูมีค่าใช้จ่ายสูง แต่ก็มีวิธีการวางแผนเพื่อช่วยประหยัดได้:
- วางแผนและจองล่วงหน้า: การมองหาโปรโมชั่นจากสถาบันภาษา รวมทั้งการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักล่วงหน้าหลายเดือน สามารถช่วยประหยัดเงินได้หลายพันถึงหมื่นกว่าบาท บางสถาบันเสนอส่วนลดพิเศษสำหรับนักเรียนที่ลงทะเบียนเป็นเวลานาน (เช่น 12 สัปดาห์ขึ้นไป) หรือสมัครเรียนแบบคู่/กลุ่ม
- เลือกจุดหมายที่เหมาะสม: ค่าเรียนและค่าครองชีพในเมืองท่องเที่ยวหลักหรือประเทศในยุโรปมักสูงมาก การมองหาสถาบันในเมืองรองของประเทศนั้นๆ หรือเลือกเรียนในประเทศที่มีค่าครองชีพไม่สูงนัก เช่น ฟิลิปปินส์, มอลตา, หรือบางเมืองในแอฟริกาใต้ สามารถช่วยประหยัดงบประมาณได้ดี
- เลือกประเภทที่พักอย่างชาญฉลาด: การพักแบบโฮมสเตย์นอกจากช่วยเรื่องค่าที่พักแล้ว (และอาจรวมค่าอาหารบางมื้อ) ยังเป็นโอกาสดีในการฝึกภาษา แต่สำหรับนักศึกษาที่เน้นความอิสระ การเช่าอพาร์ทเมนท์แล้วแชร์กับเพื่อนนักศึกษาคนอื่น 3-4 คน เป็นวิธีที่ช่วยกระจายค่าเช่าและค่าน้ำค่าไฟได้ดี อาจประหยัดได้ถึง 30-50% เมื่อเทียบกับพักคนเดียว หอพักนักศึกษาของสถาบันเองก็มักเป็นตัวเลือกราคาประหยัดที่ปลอดภัย
- จัดสรรค่าครองชีพอย่างรอบคอบ: การทำอาหารรับประทานเองแทนการซื้อหรือทานนอกบ้านเป็นประจำช่วยประหยัดได้มาก ยิ่งถ้าซื้อวัตถุดิบตามซุปเปอร์มาร์เก็ตในท้องถิ่น การใช้ระบบขนส่งสาธารณะแทนแท็กซี่ หรือการใช้จักรยานในเมืองที่เหมาะสม ก็ช่วยลดรายจ่ายได้ ควรศึกษาแผนที่เส้นทางรถเมล์หรือรถไฟก่อนออกเดินทาง นอกจากนี้ การเลือกโทรศัพท์ซิมท้องถิ่นแบบเติมเงินที่มีแพ็กเกจข้อมูลเหมาะสม จะคุ้มค่ากว่าซิมจากไทย
- เรียนรู้การล่าลดราคา: หลายเมืองมีร้านค้าหรือตลาดนัดที่มีสินค้าในราคาประหยัดสำหรับนักศึกษา (อาจต้องแสดงบัตรนักเรียน) และควรติดตามโปรโมชั่นจากห้างสรรพสินค้าหรือร้านอาหารในท้องที่ การใช้บัตรส่วนลดนักศึกษา (International Student Identity Card – ISIC) ก็ช่วยประหยัดได้ในหลายสถานที่
- เปรียบเทียบหลายๆ สถาบันและตัวแทน: ไม่ควรเลือกสถาบันเพียงแห่งเดียว ขอรายละเอียดค่าใช้จ่ายทั้งหมดจากหลายสถาบัน รวมทั้งสอบถามตัวแทนการศึกษาที่น่าเชื่อถือ อาจจะเจอโปรโมชันพิเศษหรือทางเลือกที่ถูกกว่า การเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายรายสัปดาห์และส่วนลดต่างๆ อย่างละเอียดเป็นสิ่งจำเป็น
การไปเรียนภาษาอังกฤษในต่างประเทศเป็นการลงทุนที่มีคุณค่า ทั้งในแง่ของการศึกษาและการเปิดประสบการณ์ชีวิต แม้จะมีค่าใช้จ่ายแต่สามารถบริหารจัดการได้ด้วยการวางแผนอย่างรอบคอบ เลือกตัวเลือกที่เหมาะสมกับงบประมาณ และประยุกต์ใช้เทคนิคการประหยัดต่างๆ ไม่ว่าจะเลือกรับประสบการณ์นี้เป็นเวลาสั้นๆ หรือยาวนาน หากเตรียมตัวดีโอกาสทางการเรียนรู้และความประทับใจที่ได้จะคุ้มค่าเสมอ