การเริ่มเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่พื้นฐานเป็นก้าวสำคัญที่หลายคนตั้งเป้าหมายไว้ แต่คำถามที่มักตามมาคือควรเลือกเรียนด้วยตัวเองหรือไปลงคอร์สเรียน? ทั้งสองวิธีมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสไตล์การเรียนรู้และสถานการณ์ของแต่ละบุคคล
ทางเลือกแรก: การเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
สำหรับหลายคน การศึกษาด้วยตนเองดูเหมือนเป็นตัวเลือกที่ยืดหยุ่นและประหยัดที่สุด
- ความยืดหยุ่นสูงสุด: คุณสามารถกำหนดตารางเรียนได้เอง เรียนเวลาใดก็ได้ตามสะดวก ไม่ต้องเดินทาง และหยุดพักเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ เหมาะกับคนที่มีเวลาจำกัดหรือทำงานเป็นกะ
- ควบคุมต้นทุน: แน่นอนว่าการเรียนด้วยตัวเองช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงคอร์ส คุณสามารถเลือกใช้แอปพลิเคชันฟรี เว็บไซต์สอนภาษา วิดีโอออนไลน์ หนังสือ หรือพอดแคสต์ได้ตามงบประมาณและความสนใจ
- เรียนรู้ตามจังหวะตัวเอง: คุณสามารถเน้นทักษะที่รู้สึกว่ายากเป็นพิเศษ หรือข้ามเนื้อหาที่เข้าใจดีแล้วได้อย่างอิสระ ไม่ต้องรอหรือตามใคร
อย่างไรก็ตาม การเรียนด้วยตัวเองก็มีความท้าทายไม่น้อย อาทิเช่น การขาดโครงสร้างที่ชัดเจน อาจทำให้เรียนรู้แบบกระโดดไปมา ไม่เป็นระบบ การที่ไม่มีผู้สอนคอยชี้แนะหรือแก้ไขข้อผิดพลาด โดยเฉพาะการออกเสียงและการใช้ไวยากรณ์ที่ซับซ้อน ซึ่งอาจฝังรากลึกจนแก้ไขยากในภายหลัง รวมถึง การขาดแรงจูงใจและความรับผิดชอบ ทำให้หลายคนเริ่มต้นได้ดีแต่ล้มเลิกไปกลางคันเพราะไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนและแรงกดดัน
ทางเลือกที่สอง: การเรียนภาษาอังกฤษที่สถาบันหรือคอร์สเรียน
การลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษก็เป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลหลักๆ ดังนี้
- โครงสร้างการเรียนรู้ที่ชัดเจนและเป็นระบบ: คอร์สเรียนส่วนใหญ่ถูกออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ มีหลักสูตรที่ครอบคลุมตั้งแต่พื้นฐานไปจนถึงระดับสูงอย่างเป็นขั้นตอน ทำให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับการสอนครบทุกทักษะสำคัญ
- การเรียนรู้ที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้น: มีครูผู้มีประสบการณ์คอยชี้แนะ สอนเทคนิค และแก้ไขข้อผิดพลาดให้ทันที โดยเฉพาะการฝึกพูดและการออกเสียงที่ต้องได้รับการฟีดแบคอย่างรวดเร็ว
- สภาพแวดล้อมและการมีปฏิสัมพันธ์: การได้พบปะกับเพื่อนร่วมชั้นเรียนสร้างโอกาสในการฝึกพูดและฟังภาษาอังกฤษจริง ทำให้การเรียนรู้มีชีวิตชีวาและกล้าที่จะใช้ภาษามากขึ้น ชุมชนในห้องเรียนยังช่วยเพิ่มแรงจูงใจและสร้างความรับผิดชอบ
- แหล่งทรัพยากรที่ครบครัน: สถาบันมักมีสื่อการสอนแบบฝึกหัด และกิจกรรมเสริมมากมายที่ผ่านการคัดสรรแล้ว
อย่างไรก็ตาม ข้อเสียเปรียบหลักมักอยู่ที่ ค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า และ ความยืดหยุ่นที่น้อยลง เพราะคุณต้องปรับตารางชีวิตให้ตรงกับตารางเรียนที่กำหนดไว้ รวมถึงอาจต้องเสียเวลาในการเดินทาง หากไม่เลือกเรียนแบบออนไลน์ นอกจากนี้ ความเร็วในการสอนอาจเร็วหรือช้ากว่าจังหวะการเรียนรู้ส่วนบุคคล ได้
แล้ววิธีไหน “เหมาะ” กับคุณมากที่สุด?
การตัดสินใจเลือกวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่เหมาะที่สุด ควรเริ่มต้นจากการพิจารณาตัวเองอย่างตรงไปตรงมา โดยตอบคำถามเหล่านี้:
- นิสัยการเรียนรู้: คุณเป็นคนที่มีวินัยสูง รู้จักกำหนดเป้าหมายและลงมือทำด้วยตัวเองได้ดี หรือคุณทำงานได้ดีขึ้นเมื่อมีโครงสร้าง แผนที่ชัดเจน และคนคอยกระตุ้น?
- จุดอ่อนที่ต้องการแก้ไข: คุณต้องการความช่วยเหลือพิเศษในด้านใด? หากคือการพูดหรือการออกเสียง การมีครูผู้ชำนาญคอยช่วยอาจจะสำคัญมาก
- ข้อจำกัดด้านเวลา: ตารางชีวิตของคุณเป็นอย่างไร? ว่างสม่ำเสมอหรือเปลี่ยนไปแต่ละวัน?
- งบประมาณ: คุณพร้อมลงทุนกับการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในระดับใด?
ทางสายกลางอาจเป็นคำตอบที่ดี ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับวิธีใดวิธีหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น คุณสามารถลงคอร์สพื้นฐานเพื่อสร้างรากฐานให้แน่น แล้วต่อยอดด้วยการฝึกฝนด้วยตัวเอง หรือในทางกลับกัน อาจเริ่มต้นศึกษาด้วยตัวเองก่อน แล้วลงคอร์สระยะสั้นเพื่อเน้นทักษะเฉพาะหรือแก้ไขจุดอ่อน
ไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน ความสม่ำเสมอ และ การฝึกฝนใช้จริง คือหัวใจสำคัญของการเก่งภาษา การเข้าใจธรรมชาติและข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก จะช่วยให้คุณตัดสินใจอย่างชาญฉลาดและก้าวเดินบนเส้นทางเรียนภาษาอังกฤษได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น