การเขียนภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วเป็นทักษะที่จำเป็นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะใช้ในการศึกษา การทำงาน หรือการสื่อสารระหว่างประเทศ สำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนรู้ กระบวนการฝึกฝนอย่างเป็นขั้นตอนจะช่วยให้พัฒนาได้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยมีแนวทางปฏิบัติสำคัญ 7 ข้อที่หลายคนพบว่ามีประสิทธิภาพ
1. ปรับพื้นฐานไวยากรณ์และคำศัพท์ให้มั่นคง
ความรู้ไวยากรณ์และคลังคำศัพท์เปรียบเสมือนวัสดุหลักในการสร้างบ้าน ก่อนเขียนควรทบทวนโครงสร้างประโยคพื้นฐาน กฎการใช้ tense ต่าง ๆ และสะสมคำศัพท์ให้หลากหลาย อาจเริ่มจากคำศัพท์ในชีวิตประจำวันหรือหัวข้อที่สนใจเป็นพิเศษ การใช้พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษช่วยเพิ่มความเข้าใจในความหมายและวิธีใช้ที่ถูกต้องได้เป็นอย่างดี
2. เริ่มต้นด้วยการอ่านเยอะ ๆ
การอ่านเป็นอาหารสมองของนักเขียน การอ่านเนื้อหาภาษาอังกฤษหลากหลายรูปแบบ ทั้งบทความ ข่าว นิยาย หรือเว็บไซต์ ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มคลังคำศัพท์และเห็นโครงสร้างประโยคเท่านั้น แต่ยังทำให้เรียนรู้วิธีการเล่าเรื่อง การเชื่อมโยงความคิด และสไตล์การเขียนที่แตกต่างไปโดยอัตโนมัติ
3. ฝึกเลียนแบบแบบอย่างที่ดี
การคัดลอก (copywork) เป็นวิธีการฝึกเขียนแบบดั้งเดิมที่มีประสิทธิภาพ เลือกตัวอย่างงานเขียนที่ดี อาทิ บทความสั้น ๆ หรือย่อหน้าที่น่าสนใจ จากนั้นคัดลอกด้วยมือลงในสมุด ขณะคัดลอกให้สังเกตบริบทการใช้คำ วิธีการเชื่อมประโยค และการจัดย่อหน้า จะช่วยให้จดจำรูปแบบภาษาธรรมชาติได้ดีกว่าการท่องจำ
4. เริ่มเขียนจากเรื่องใกล้ตัวก่อน
เริ่มต้นฝึกเขียนด้วยหัวข้อที่คุ้นเคยและง่ายต่อการถ่ายทอด ตัวอย่างเช่น:
- เขียนไดอารี่สั้น ๆ บันทึกเหตุการณ์ประจำวัน
- อธิบายวิธีทำอาหารโปรดหรือเส้นทางการเดินทาง
- เขียนสรุปภาพยนตร์หรือหนังสือที่เพิ่งเสร็จสิ้น
- แสดงความเห็นสั้น ๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ปัจจุบัน
เป้าหมายเริ่มแรกคือการทำให้การเขียนเป็นนิสัย
5. ฝึกเขียนตามโครงสร้าง
เพื่อให้เขียนได้อย่างเป็นระบบและครอบคลุม อาจใช้โครงสร้างพื้นฐานช่วย เช่น:
- โครงสร้าง WEED (Writing, Evidence, Explanation, Do link): นำเสนอข้อความหลัก ยกหลักฐาน อธิบาย และเชื่อมโยงกับย่อหน้าถัดไป
- โครงสร้าง PEEL (Point, Evidence, Explanation, Link): กล่าวถึงประเด็นสนับสนุนด้วยหลักฐาน ให้คำอธิบาย และเชื่อมโยง
โครงสร้างเหล่านี้ช่วยจัดระเบียบความคิดให้ชัดเจน
6. ทวนแก้ไขและขอคำติชม
ไม่มีใครเขียนได้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ครั้งแรก ขั้นตอนการทวนแก้ไข (proofreading) และการปรับปรุง (revision) สำคัญมาก ควรพักงานเขียนสักระยะก่อนกลับมาอ่านอีกครั้งด้วยมุมมองใหม่ ตรวจสอบข้อผิดพลาดด้าน:
- ไวยากรณ์และการสะกดคำ
- ความชัดเจนของเนื้อหา
- ความลื่นไหลในการเชื่อมโยง
การขอคำติชมจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือครูผู้สอนก็เป็นประโยชน์ เนื่องจากพวกเขามักเห็นจุดที่เรามองข้าม
7. สม่ำเสมอและอดทน
ทักษะการเขียนต้องการเวลาสะสม ไม่มีทางลัดให้ไปถึงจุดหมาย การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอแม้ในระยะเวลาสั้น เช่น 15-20 นาทีต่อวัน ย่อมให้ผลดีกว่าการเขียนครั้งละนาน ๆ แต่ทำเพียงเดือนละครั้ง บางวันอาจรู้สึกว่าความคืบหน้าช้าแต่ขอให้มั่นใจว่าทุกประโยคที่เขียนช่วยเสริมสร้างทักษะให้แข็งแกร่งขึ้น
การเดินทางสู่การเขียนภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่วย่อมมีอุปสรรค แต่กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นขั้นตอนและต่อเนื่องจะช่วยลดความยากลงได้ เมื่อผ่านแต่ละระยะไปจะสังเกตเห็นพัฒนาการที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นนักเขียนที่มีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน