หลายคนอาจสงสัยว่า การดูการ์ตูนเพื่อฝึกภาษาอังกฤษนั้นได้ผลจริงหรือเปล่า ในเมื่อเป็นการ์ตูนที่อาจดูเหมือนเป็นสื่อสำหรับเด็ก คำถามนี้เป็นสิ่งที่ถูกถามบ่อยในวงการการเรียนรู้ภาษา
การ์ตูนช่วยฝึกภาษาอังกฤษได้อย่างไร
หลักการเบื้องต้นของการเรียนภาษาตามทฤษฎี “ภาษานำเข้า” (Comprehensible Input) ของ Stephen Krashen นั้นชี้ว่า การรับข้อมูลขาเข้า (Input) ที่เราเข้าใจได้ แม้จะไม่ทั้งหมด และอยู่ในบริบทที่น่าสนใจ จะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ภาษาโดยธรรมชาติ การ์ตูนหลายเรื่องเข้าข่ายนี้ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากมีลักษณะดังต่อไปนี้:
- ภาษาใช้จริงในชีวิตประจำวัน: การ์ตูนหลายเรื่อง โดยเฉพาะแนวชีวิตประจำวัน มักใช้วาทกรรมใกล้เคียงกับการสนทนาจริง ภาษาอังกฤษที่ได้จึงเป็นภาษาธรรมดาสามัญ ไม่ซับซ้อนเหมือนตำราเรียน
- ภาพและบริบทช่วยให้เข้าใจ: การเคลื่อนไหวของตัวละคร สีหน้าท่าทางประกอบ และสถานการณ์ในเนื้อเรื่อง ช่วยให้ผู้ชมสามารถเดาความหมายของคำศัพท์หรือประโยคที่ไม่รู้จักได้ ถึงแม้จะฟังไม่เข้าใจทุกคำ
- เสียงซ้ำและทำนองเน้นย้ำ: การ์ตูนมักมีคำพูดซ้ำๆ (Repetition) หรือมีเพลงที่ติดหู ซึ่งช่วยให้ผู้ชมจำคำศัพท์หรือโครงสร้างประโยคได้โดยไม่ต้องท่อง
- แรงจูงใจและความเพลิดเพลิน: การเรียนภาษาเป็นกระบวนการที่ยาวนาน การได้เรียนผ่านสื่อที่สนุกสนานทำให้ผู้เรียนมีแรงจูงใจสูงและอยากกลับมาดูอีก ตรงกันข้ามกับความรู้สึกเบื่อหน่ายที่อาจเกิดขึ้นกับการฝึกฝนแบบเดิมๆ
ขีดจำกัดและข้อควรระวังในการใช้การ์ตูนเรียนภาษา
แม้จะมีจุดเด่นหลายประการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการดูการ์ตูนเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ โดยมีข้อจำกัดดังนี้
- ระดับความยากของภาษา: การ์ตูนบางประเภท โดยเฉพาะที่ทำขึ้นสำหรับเด็กเล็ก อาจใช้คำศัพท์และโครงสร้างประโยคง่ายเกินไปสำหรับผู้ใหญ่ผู้เริ่มเรียน ทำให้ไม่ค่อยเกิดการเรียนรู้ใหม่
- การออกเสียงและการเน้นคำ: ในบางเรื่องอาจมีการพูดเว่อร์ การพูดเร็วเกินจริงเพื่อสร้างอารมณ์ขัน ซึ่งอาจทำให้ผู้เรียนสับสนกับการออกเสียงที่ถูกต้องในชีวิตจริง
- ไม่ครอบคลุมทุกทักษะ: การฟัง (Listening) น่าจะเป็นทักษะหลักที่ได้จากการ์ตูน การพูด (Speaking) นั้นต้องการการฝึกฝนเชิงรุกและการโต้ตอบจริง การอ่านและเขียนก็ต้องการการฝึกต่างหาก
เทคนิคดึงประโยชน์สูงสุดจากการดูการ์ตูนเพื่อฝึกภาษาอังกฤษ
เพื่อให้การดูการ์ตูนคุ้มค่ากับการฝึกภาษา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำเคล็ดลับดังนี้
เลือกการ์ตูนที่เหมาะสม: เลือกเรื่องที่ตรงกับระดับภาษาปัจจุบันของคุณ เป็นเรื่องที่เราชอบและสนใจเนื้อหาจริงๆ การที่ไม่ชอบเนื้อเรื่องจะขัดขวางการเรียนรู้ หากระดับภาษายังพื้นฐาน อาจเริ่มจากการ์ตูนสั้นๆ ก่อน สิ่งสำคัญคือการเลือกเรื่องที่ฟังแล้วเข้าใจเป็นส่วนใหญ่แม้จะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ
ดูซ้ำและดูอย่างตั้งใจ: ลองดูรอบแรกโดยมีซับไตเติ้ลภาษาไทยหรือไม่ก็ได้เพื่อเข้าใจเรื่องราว แล้วดูรอบที่สองโดยเปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ พยายามฟังเสียงและจับคู่คำกับคำบรรยาย หากดูหลายครั้งอาจปิดซับไตเติ้ลในรอบหลังๆ แล้วฟังดูว่าจับใจความได้มากน้อยเพียงไร
จดและทบทวนวลีใหม่: เตรียมสมุดจดหรือโน้ตไว้ใกล้มือ เมื่อได้ยินประโยค วลี หรือคำศัพท์ที่น่าสนใจ ไม่คุ้นเคย แต่เข้าใจได้จากบริบท ให้จดลงมา พร้อมตัวอย่างประโยค หลังดูจบ ลองทบทวนสิ่งที่จด
ฝึกพูดตาม (Shadowing): เลือกฉากสั้นๆ ที่ชอบหรือบทพูดง่ายๆ ลองกดหยุดแล้วฝึกพูดตามตัวละครทันที ทั้งในด้านการออกเสียง (Pronunciation) จังหวะ (Rhythm) และน้ำเสียง (Intonation)
ใช้ร่วมกับการฝึกอื่นๆ: ไม่ควรละทิ้งวิธีการฝึกฝนอื่นๆ ที่จำเป็นต่อทักษะอื่น โดยอาจใช้การ์ตูนเป็นเครื่องมือเสริมสร้างความสนุกและฝึกฟังในบริบทที่ชัดเจน
สรุป
การดูการ์ตูนช่วยฝึกภาษาอังกฤษได้ผลจริง โดยเฉพาะทักษะการฟังและการเรียนรู้คำศัพท์ในบริบท ที่สำคัญคือทำให้กระบวนการเรียนรู้เป็นธรรมชาติและสนุกสนาน ไม่เคร่งเครียด อย่างไรก็ตาม มันคงไม่ใช่วิธีการเดียวที่ควรพึ่งพาแต่เพียงอย่างเดียวให้เก่งภาษาได้ครบทุกทักษะ หากเลือกการ์ตูนได้เหมาะสมกับระดับภาษาและความสนใจของตนเอง และนำเทคนิคต่างๆ มาปรับใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด การใช้การ์ตูนเพื่อการเรียนรู้ก็จะเป็นเครื่องมือเสริมที่ทรงพลังและคุ้มค่าเวลาอย่างแน่นอน