การเรียนรู้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษด้วยตนเองเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสำคัญ เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่บ่อยครั้งผู้เรียนอาจประสบปัญหากับความผิดพลาดซ้ำซากที่ส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ภาษา การเข้าใจเทคนิคในการหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดยอดนิยมจึงถือเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ
1. ระวังอิทธิพลจากภาษาแม่
ผู้เรียนภาษาไทยมักใช้โครงสร้างภาษาไทยในการเรียบเรียงประโยคภาษาอังกฤษ ข้อผิดพลาดเช่น การเรียงลำดับคำ (Word Order) หรือการใช้คำบุพบท (Preposition) ที่ไม่ถูกต้อง พบได้บ่อย การฝึกเปรียบเทียบโครงสร้างทั้งสองภาษาอย่างสม่ำเสมอช่วยแก้ปัญหานี้ได้
2. เข้าใจบริบทของการใช้ Tenses
ความสับสนในการเลือกใช้กาล (Tenses) เป็นปัญหาคลาสสิก แทนที่จะจำกฎทั้งหมดอย่างเคร่งครัด การฝึกโฟกัสที่บริบทเวลาและสถานการณ์ของประโยคว่าเกิดในอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคต และเน้นการสื่อสารที่เกิดขึ้นแล้ว กำลังเกิด หรือจะเกิดขึ้น จะช่วยให้เลือกใช้ Tenses ได้ตรงจุดมากขึ้น
3. ฝึกฝนการใช้ Articles (a, an, the)
การลืมหรือใช้ “a”, “an”, “the” ผิดเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะเมื่อภาษาไทยไม่มีคำทำนองเดียวกัน หมั่นสังเกตการบ่งชี้ความเฉพาะเจาะจงของคำนามในประโยค เช่น การกล่าวถึงครั้งแรก (ใช้ a/an) หรือการกล่าวถึงซ้ำที่รู้กันแล้ว (ใช้ the) ช่วยลดความผิดพลาดได้
4. จับคู่คำกริยาและคำบุพบทให้ถูกต้อง
หลายครั้งที่ผู้เรียนใช้คำบุพบทตามภาษาไทยจนทำให้ผิด เช่น “interested on” แทนที่จะเป็น “interested in” หรือ “depends of” แทน “depends on” การท่องจำหรือจดบันทึกคู่คำกริยาและบุพบท (Verb + Preposition Collocations) ที่พบบ่อยเป็นประจำจะสร้างความคุ้นเคย
5. ตรวจสอบ Subject-Verb Agreement
ความไม่สอดคล้องระหว่างประธานและคำกริยาเกิดขึ้นง่าย โดยเฉพาะเมื่อประธานเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ที่ซ่อนอยู่ การพยายามแยกแยะประธานหลักของประโยคและตรวจสอบว่ามีผลให้กริยาเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ทุกครั้งเป็นเรื่องจำเป็น
6. ระมัดระวังคำพ้องความหมาย (Synonyms)
คำภาษาอังกฤษหลายคำมีความหมายใกล้เคียงแต่ใช้ต่างบริเวณ การใช้ “make” และ “do” อย่างสลับกัน หรือ “say” และ “tell” อย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้ความหมายเพี้ยนไป การศึกษาความแตกต่างเล็กๆ น้อยๆ ของคำพ้องเหล่านี้ช่วยป้องกันความเข้าใจผิด
7. ให้ความสำคัญกับการสะกดคำ
การสะกดผิดอาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ การใช้พจนานุกรมดิจิทัลช่วยตรวจสอบคำที่สงสัย หรือจดจำคำที่สะกดยากไว้เป็นพิเศษ โดยเฉพาะคำที่มักเขียนสลับตัวอักษรเช่น “their/there” หรือ “affect/effect” เป็นทางออกที่ดี
8. อ่านทวนประโยคยาวและซับซ้อน
การเขียนประโยคที่ซับซ้อนมักนำไปสู่ความสับสนและผิดพลาดทางไวยากรณ์ แบ่งประโยคยาวๆ เป็นประโยคย่อยหรือตรวจสอบให้มั่นใจว่ามีประธานและกริยาหลักชัดเจน รวมถึงเชื่อมต่ออนุประโยค (Clauses) ด้วยคำเชื่อม (Conjunctions) อย่างเหมาะสม
9. แยกแยะระหว่างภาษาพูดและภาษาเขียน
สไตล์และโครงสร้างที่ใช้ในการสนทนาอาจไม่เหมาะกับงานเขียนที่เป็นทางการ เช่น การใช้คำสแลงหรือการละเว้นคำบางตัวในประโยค การตระหนักถึงบริบทการใช้ภาษาแต่ละแบบช่วยเลือกใช้ไวยากรณ์และคำศัพท์ได้อย่างเหมาะสม
10. เรียนรู้จากความผิดพลาด
แทนที่จะรู้สึกท้อแท้กับข้อผิดพลาด ให้พยายามทำความเข้าใจที่มาที่ไป โดยการจดบันทึกจุดผิดบ่อยๆ พร้อมตัวอย่างที่ถูกต้อง หรือถามผู้รู้ การกลับมาทบทวนข้อผิดพลาดเป็นประจำจะเปลี่ยนจุดอ่อนให้เป็นจุดแข็ง
เทคนิคเหล่านี้ไม่ใช่สูตรสำเร็จแบบข้ามคืน แต่ต้องอาศัยความสม่ำเสมอในการฝึกฝน การสังเกต และปรับใช้ในสถานการณ์จริง เมื่อรู้เท่าทันข้อผิดพลาดยอดฮิต ความคล่องแคล่วและความมั่นใจในการใช้ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษก็จะค่อยๆ พัฒนาตามมา