การเลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ใช่สำหรับตัวเอง อาจดูเป็นเรื่องท้าทายสำหรับหลายๆ คน เพราะในปัจจุบันมีตัวเลือกมากมาย ทั้งหลักสูตรออนไลน์ คอร์สสอนสดในสถาบัน หรือแม้แต่แอปพลิเคชันการเรียนรู้ต่าง การตัดสินใจให้ถูกต้องสามารถส่งผลอย่างมากต่อความก้าวหน้าและแรงจูงใจในการเรียน มาดูกันว่า 3 วิธีหลักในการเลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้เหมาะกับเป้าหมายและไลฟ์สไตล์ของคุณ
1. สำรวจเป้าหมายและความต้องการของคุณอย่างชัดเจน
ขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุดคือการถามตัวเองว่า “ฉันเรียนภาษาอังกฤษไปเพื่ออะไร?” การตอบคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมาจะช่วยกรองตัวเลือกได้อย่างมาก
- เป้าหมายทางวิชาการ: ต้องการสอบ TOEFL, IELTS หรือเรียนต่อต่างประเทศ? คอร์สที่เน้นกลยุทธ์การทำข้อสอบและไวยากรณ์เชิงวิชาการย่อมเหมาะสมกว่า
- การสื่อสารในการทำงาน: ใช้ในการประชุม พรีเซนต์งาน หรือเขียนอีเมลธุรกิจ? ควรมองหาหลักสูตรที่เน้นภาษาอังกฤษเพื่อการทำงาน (Business English) และคำศัพท์เฉพาะทาง
- การสื่อสารทั่วไป / การท่องเที่ยว: เน้นการสนทนาในชีวิตประจำวัน? คอร์สสนทนา (Conversation) ที่เน้นความคล่องแคล่วและความมั่นคงอาจเป็นคำตอบ
- ความต้องการเฉพาะทาง: ต้องการภาษาอังกฤษเพื่อการแพทย์, เทคโนโลยี, หรืองานสายการบิน? อาจต้องพิจารณาหลักสูตรเฉพาะทางที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้อง
การกำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงจะทำให้คุณไม่เสียเวลาและทรัพยากรไปกับสิ่งที่ไม่ได้ตอบโจทย์
2. ประเมินรูปแบบการเรียนรู้และข้อจำกัด
เมื่อรู้เป้าหมายแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือดูว่า รูปแบบและโครงสร้างแบบใดที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความชอบของคุณได้ดีที่สุด
- รูปแบบการเรียน:
- เรียนออนไลน์ (หลักสูตรสำเร็จรูป): เหมาะกับคนที่อยากเรียนเวลาไหนก็ได้ ด้วยจังหวะตัวเอง มีวินัยสูง แต่อาจขาดการมีปฏิสัมพันธ์
- เรียนออนไลน์สด: รวมข้อดีของความยืดหยุ่นกับการมีคาบเรียนแบบเรียลไทม์และปฏิสัมพันธ์กับผู้สอน/เพื่อนร่วมชั้น เหมาะกับคนที่ติดภาระงาน แต่ยังอยากเรียนสด
- เรียนในห้องเรียนแบบดั้งเดิม: เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศในห้องเรียน ได้เพื่อนใหม่ และเรียนรู้จากปฏิกิริยาตอบโต้ทันที ต้องมีเวลาเดินทางแน่นอน
- ความถี่และระยะเวลา: คุณสามารถเรียนสัปดาห์ละกี่ครั้ง? ครั้งละนานแค่ไหน? เลือกคอร์สที่มีตารางที่สอดคล้องกับตารางชีวิตจริง ไม่เช่นนั้นอาจต้องออกกลางคัน
- งบประมาณ: ตั้งงบประมาณที่เหมาะสม คอร์สมีราคาตั้งแต่ไม่กี่ร้อยจนถึงหลักหมื่นบาท ควรเปรียบเทียบราคาและเนื้อหา แต่อย่าลืมว่า ‘คุณภาพ’ มักสะท้อนราคา
3. เปรียบเทียบและทดสอบก่อนตัดสินใจ
เมื่อกรองได้ตามเป้าหมายและข้อจำกัดแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการ “ทดลองสัมผัสประสบการณ์” ก่อนสมัครเรียนจริง
- ศึกษารีวิวผู้เรียน: หาอ่านความคิดเห็นและประสบการณ์จากผู้ที่เคยเรียนจริงในหลายๆ แพลตฟอร์มเพื่อรับรู้ถึงข้อดีข้อเสียจากมุมมองของผู้ใช้จริง
- ทดลองเรียนฟรี (หากมี): สถาบันสอนภาษาหลายแห่งมักมี คลาสทดลองฟรี ให้คุณได้ทดสอบ ทั้งการสอนออนไลน์หรือในห้องเรียน สิ่งนี้สำคัญมาก ช่วยให้เห็นสไตล์การสอน การนำเสนอเนื้อหา และคุณภาพของผู้สอนว่าเข้ากับคุณหรือไม่
- สังเกตทักษะของผู้สอน: ในคลาสทดลอง ให้สังเกตความชัดเจนในการสื่อสาร ความเป็นกันเอง ความรู้ความเชี่ยวชาญ และวิธีการถ่ายทอดของผู้สอน ว่าช่วยให้คุณเข้าใจได้ง่ายและรู้สึกอยากเรียนต่อไหม
- ตรวจสอบเนื้อหาหลักสูตรและสื่อการสอน: ศึกษาว่าเนื้อหาครอบคลุมทักษะที่คุณต้องการพัฒนาหรือไม่ (ฟัง พูด อ่าน เขียน) มีหนังสือเรียน แบบฝึกหัด หรือระบบการเรียนที่ทันสมัย เพิ่มทักษะได้ครบถ้วนแค่ไหน
อย่าลืมว่าคอร์สที่ ‘ดีที่สุด’ สำหรับคนอื่น อาจไม่ใช่คอร์สที่ดีที่สุดสำหรับคุณเสมอไป เพราะแต่ละคนมีสไตล์การเรียนรู้ ความต้องการ และเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป
การเลือกคอร์สเรียนภาษาอังกฤษที่ดี จึงไม่ใช่เพียงแค่ดูชื่อเสียงหรือราคาเท่านั้น แต่คือกระบวนการที่ต้องอาศัย การรู้จักตัวเองเป็นอย่างดี รวมถึงการค้นหาและทดสอบอย่างรอบคอบ ใช้ 3 วิธีนี้เป็นแนวทางในการพิจารณา เพื่อให้คุณพบกับคอร์สเรียนที่ตรงใจ สามารถช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างแท้จริง และทำให้การลงทุนกับการเรียนรู้ของคุณคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว