ปัจจุบัน แอปพลิเคชันสอนภาษาอังกฤษมีมากมายจนผู้เรียนอาจสับสนว่าจะเลือกตัวไหนดี การเปรียบเทียบคุณสมบัติหลักของคู่แข่งยอดนิยมช่วยตัดสินใจได้ง่ายขึ้น โดยดูจากวัตถุประสงค์การเรียนรู้ วิธีการสอน และการใช้งานจริง
เกณฑ์หลักในการเลือกแอพเรียนภาษาอังกฤษ
ก่อนเปรียบเทียบควรกำหนดความต้องการของตัวเองให้ชัดเจน อาทิ:
- เป้าหมาย: ต้องการสอบ TOEIC/IELTS เพิ่มทักษะสนทนา หรือเรียนสำหรับการทำงาน?
- รูปแบบการเรียนรู้: ชอบเรียนแบบสนุกเหมือนเกม เน้นไวยากรณ์เข้มข้น หรือเรียนกับมนุษย์จริง?
- ระดับภาษา: เป็นผู้เริ่มต้น ปานกลาง หรือระดับสูง?
ความชัดเจนในจุดนี้จะช่วยกรองแอพที่ตรงความต้องการมากที่สุด
คู่แข่งยอดนิยม: การเปรียบเทียบ 3 คู่สำคัญ
Duolingo vs Babbel: สนุกเกมสไตล์ vs หลักสูตรเป็นขั้นเป็นตอน
Duolingo: เป็นที่รู้จักจากธีมเกมและอินเตอร์เฟซสีสันสดใส แบบฝึกหัดสั้นๆ เข้าใจง่าย เน้นคำศัพท์และประโยคพื้นฐานผ่านการฟัง พูด อ่าน เขียน เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นและผู้ที่ต้องการเรียนอย่างสนุกสนาน ทดลองใช้ฟรีได้ แต่จุดอ่อนคืออาจไม่ลึกพอสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนเชิงวิชาการหรือใช้งานจริงแบบเข้มข้น
Babbel: เน้นโครงสร้างการเรียนเป็นระบบตามหัวข้อในชีวิตประจำวันเช่น การเดินทาง งาน อาหาร ไวยากรณ์อธิบายชัดเจนและเชื่อมโยงกับสถานการณ์จริง ดีไซน์เรียบง่าย ใช้งานง่าย มีการทบทวนบทเรียนอย่างเป็นระบบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เริ่มต้นจนถึงกลางที่ต้องการพื้นฐานภาษาอังกฤษที่แข็งแรงเพื่อใช้งานจริง
- จุดเด่น Duolingo: ความสนุก ฟรีหลัก (มีพรีเมียม), รองรับหลายภาษา
- จุดเด่น Babbel: เน้นบทสนทนาจริง โครงสร้างบทเรียนชัดเจน การทบทวนมีประสิทธิภาพ
Memrise vs Rosetta Stone: ความจำระยะยาว vs การเรียนโดยไม่แปล
Memrise: เชี่ยวชาญด้านการช่วยให้จดจำคำศัพท์และวลีได้ยาวนานผ่านเทคนิค Space Repetition System (SRS) มีการใช้คลิปวีดีโอเจ้าของภาษา (Meme clips) ช่วยให้เห็นการใช้คำศัพท์และสำเนียงจริงในบริบท ทำให้การจดจำมีประสิทธิภาพมาก ผู้เรียนระดับต้นถึงกลางจะได้ประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะด้านการขยายคลังศัพท์
Rosetta Stone: ใช้วิธี “Dynamic Immersion” คือเรียนผ่านรูปภาพและสถานการณ์โดยไม่มีการแปลเป็นภาษาแม่ เน้นการคิดเป็นภาษาอังกฤษเลยตั้งแต่ต้น วิธีการนี้เลียนแบบการเรียนรู้ภาษาแรกของมนุษย์ ช่วยในการพัฒนาโดยสัญชาตญาณ แม้ราคาจะสูงกว่าแต่เหมาะกับผู้ที่อยากบ่มเพาะความรู้สึก “คิดเป็นภาษาอังกฤษ”
- จุดเด่น Memrise: การจำคำศัพท์ระยะยาว, คลังคำศัพท์มาก, วีดีโอเจ้าของภาษา
- จุดเด่น Rosetta Stone: เรียนโดยไม่พึ่งการแปล พัฒนาสัญชาตญาณภาษา เน้นการออกเสียง
Preply vs italki: รูปแบบการเรียนตัวต่อตัวแบบยืดหยุ่น
Preply: เป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้เรียนกับครูสอนภาษาอังกฤษส่วนตัวจากทั่วโลก การเรียนเน้นการสนทนาตรงจุดตามเป้าหมายของผู้เรียน มีครูหลากหลายระดับราคาและคุณวุฒิ มีระบบกลั่นกรองครูบางส่วน แต่ยังขึ้นกับคุณสมบัติครูแต่ละท่านมาก
italki: คล้ายกับ Preply แต่มีชุมชนขนาดใหญ่กว่าและมีความหลากหลายของครูผู้สอนและติวเตอร์ (ทั้งมืออาชีพและผู้สอนชุมชน) มากกว่า ผู้เรียนสามารถเลือกครูจากฟีดแบ็กที่ตรงตามงบประมาณและสไตล์การสอนเป๊ะๆ รูปแบบยืดหยุ่นสูงมาก
- จุดเด่น Preply: มีการตรวจคุณสมบัติครูบางส่วน (ส่วน Professional), อินเตอร์เฟซใช้งานง่าย
- จุดเด่น italki: ชุมชนใหญ่มาก ครูเลือกได้หลากหลายกว่า ราคาค่อนข้างยืดหยุ่นมาก มักใช้แลกเปลี่ยนภาษา (Language Exchange) ด้วย
การเลือกแอพพลิเคชันสอนภาษาอังกฤษไม่มีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดสำหรับทุกคน Duolingo หรือ Babbel เหมาะกับการเริ่มต้นอย่างสนุกสนานหรือปูพื้นฐานอย่างเป็นระบบ Memrise หรือ Rosetta Stone เน้นเทคนิคการจำคำศัพท์และการสร้างสัญชาตญาณทางภาษา ในขณะที่ Preply และ italki ตอบโจทย์ผู้ต้องการปฏิสัมพันธ์และเรียนแบบตัวต่อตัว
ผู้เรียนควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์การเรียนรู้ สไตล์ที่ชอบ และทดลองใช้รุ่นทดลองฟรี (ถ้ามี) ของแต่ละแพลตฟอร์มก่อนตัดสินใจสมัครสมาชิก การผสมผสานการใช้แอพที่แตกต่างกันก็เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างรอบด้าน