สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับการลองใช้ Palfish ดูบ้าง หลังจากที่เห็นหลายคนพูดถึงกันเยอะแยะไปหมด ผมก็เป็นคนหนึ่งล่ะครับที่ชอบลองอะไรใหม่ๆ โดยเฉพาะอะไรที่เขาว่าทำแล้วได้เงินจากที่บ้านเนี่ย ยิ่งสนใจเป็นพิเศษเลย
เริ่มจากเห็นโฆษณาแล้วก็อยากลอง
คือเรื่องมันเริ่มจากผมไถๆ มือถือไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนว่างงานนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็ไปเจอโฆษณาของ Palfish นี่แหละครับ มันบอกว่าเป็นแพลตฟอร์มสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้เด็กๆ ชาวจีน ตอนแรกก็คิดในใจ เอ๊ะ มันจะยากไปไหมวะ เราก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรขนาดนั้น แต่พออ่านรายละเอียดดู เออ มันก็ดูน่าสนใจดี ไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพครูอะไรมากมาย ขอแค่สื่อสารภาษาอังกฤษได้คล่องๆ หน่อย มีใจรักเด็ก อดทนได้ ก็ลองดูได้
ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด
ผมก็เลยตัดสินใจลองสมัครดูครับ เข้าไปที่เว็บของเขา (แต่จำไม่ได้แล้วว่าเว็บอะไรนะ มันนานมาแล้ว) ก็กรอกข้อมูลส่วนตัวทั่วไป อัปโหลดรูปถ่ายหน้าตรงสวยๆ หล่อๆ กันไป แล้วก็มีให้ทำวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ อันนี้แอบเขินนิดหน่อย ต้องพูดภาษาอังกฤษแนะนำตัวเอง บอกว่าทำไมถึงอยากสอนที่นี่ ผมก็ด้นสดไปเลยครับ บอกว่าชอบสอน ชอบเด็ก อยากแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม อะไรก็ว่าไป แล้วก็มีให้ทำ Demo หรือตัวอย่างการสอนสั้นๆ ประมาณ 5-10 นาที เขาก็จะมีสไลด์มาให้ เราก็ทำเหมือนสอนเด็กจริงๆ เลยครับ ตอนนั้นผมก็หาตุ๊กตาหมีแถวๆ นั้นมาเป็นนักเรียนสมมติ ฮ่าๆๆ
รอผล แล้วก็เริ่มตั้งค่าโปรไฟล์
หลังจากส่งใบสมัครพร้อมวิดีโออะไรเรียบร้อย ก็ต้องรอครับ ประมาณอาทิตย์นึงมั้งถ้าจำไม่ผิด ก็มีอีเมลตอบกลับมาว่า “ยินดีด้วย คุณผ่านการคัดเลือกแล้ว” โอ้โห ตอนนั้นดีใจมากครับ เหมือนได้งานใหม่ยังไงยังงั้น พอผ่านแล้ว เขาก็จะให้เราเข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ในแอปของเขาครับ ใส่เรทราคาค่าสอนต่อนาทีของเราเองได้ (แต่เขาก็มีเรทแนะนำอยู่) ใส่เวลาที่เราสะดวกจะสอนได้ เปิดตารางสอนว่างๆ ของเราไว้ให้นักเรียนเข้ามาจอง
ประสบการณ์การสอนจริง และเรื่องจุกจิกที่เจอ
ช่วงแรกๆ ที่เปิดสอนใหม่ๆ นี่เงียบกริบเลยครับ ไม่มีใครจองเข้ามาเลย ผมก็เริ่มใจเสียละ เอ๊ะ หรือเราตั้งค่าอะไรผิดไปรึเปล่า ก็เลยลองไปศึกษาดูในกลุ่มของครู Palfish คนอื่นๆ เขาบอกว่าต้องพยายามโปรโมทตัวเองในแอป ทำคลิปสั้นๆ โพสต์กิจกรรมบ่อยๆ เปิดคลาสทดลองสอนฟรีบ้างอะไรบ้าง ผมก็ลองทำตามดูครับ
สักพักก็เริ่มมีนักเรียนเข้ามาจองบ้างแล้วครับ ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กๆ น่ารักดีครับ บทเรียนเขาก็มีมาให้แล้ว เราแค่สอนตามสไลด์ไป แต่บางทีก็ต้องมีลูกล่อลูกชน เล่นกับเด็ก ชวนคุยนอกเรื่องบ้างให้เขาไม่เบื่อ ความยากมันอยู่ตรงที่เด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนตั้งใจเรียนมาก บางคนก็ซนสุดๆ เราก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์
เรื่องที่ต้องระวังมากๆ คือเรื่องเวลาครับ ต้องตรงเวลาเป๊ะๆ ห้ามสายเด็ดขาด ถ้ามีปัญหาอินเทอร์เน็ตหรืออะไรก็ต้องรีบแจ้งซัพพอร์ตเขาทันที ไม่งั้นโดนหักคะแนน โดนปรับเงินกันหน้ามืดเลยครับ แล้วก็เรื่องการแต่งกาย เสื้อผ้าหน้าผมก็ต้องดูเรียบร้อยหน่อย เพราะมันเป็นการสอนแบบเห็นหน้ากัน
รายได้ และความสม่ำเสมอ
มาถึงเรื่องสำคัญที่ทุกคนอยากรู้ คือเรื่องรายได้ มันก็ขึ้นอยู่กับจำนวนชั่วโมงที่เราสอน และเรทที่เราตั้งไว้ครับ ถ้าขยันเปิดสอนเยอะๆ นักเรียนจองเยอะ ก็ได้เยอะตามนั้น แต่ถ้าช่วงไหนนักเรียนน้อย หรือเราไม่ค่อยมีเวลาเปิดสอน รายได้มันก็น้อยลงไปครับ มันไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่ ต้องบริหารจัดการดีๆ แล้วการจ่ายเงินเขาก็จะจ่ายผ่านระบบของเขา แล้วเราค่อยโอนเข้าบัญชีเราอีกที ก็มีค่าธรรมเนียมบ้างนิดหน่อย
สรุปจากประสบการณ์ส่วนตัว
โดยรวมแล้ว Palfish ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการหารายได้เสริมที่ดีนะครับ สำหรับคนที่ชอบสอน ชอบภาษาอังกฤษ และมีเวลาว่างพอสมควร
- ข้อดี: ก็คือมันยืดหยุ่นเรื่องเวลา เราจัดการเองได้ ทำงานจากที่บ้านได้ ไม่ต้องเดินทาง ได้ฝึกภาษาไปในตัวด้วย ได้เจอเด็กๆ น่ารักๆ จากต่างวัฒนธรรม
- ข้อเสีย: รายได้มันไม่ค่อยแน่นอนเท่าไหร่ ต้องแอคทีฟตลอดเวลาเพื่อให้นักเรียนเห็นเรา แล้วก็มีกฎระเบียบค่อนข้างเยอะ ต้องระวังตัวพอสมควร บางทีก็เจอปัญหาเทคนิคบ้าง ระบบล่มบ้างไรบ้าง
สำหรับผมแล้ว ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ได้ลองทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่ถ้าจะให้ยึดเป็นอาชีพหลักเลยก็อาจจะต้องคิดหนักหน่อย เพราะมันมีความไม่แน่นอนอยู่พอสมควร แต่ถ้าใครอยากลองหาประสบการณ์ใหม่ๆ หรือหารายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ Palfish ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ลองศึกษาข้อมูลดูก่อนตัดสินใจนะครับ วันนี้ก็มาแชร์ประมาณนี้แหละครับผม หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจอยู่นะครับ