สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่อง PalFish ในบ้านเราเนี่ยแหละครับ คือผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ใช้ได้จริงไหมในไทย เลยลองไปคลุกคลีดูเองเลย
จุดเริ่มต้นของการลองของ
เรื่องของเรื่องคือผมเห็นคนพูดถึงแอปนี้กันเยอะพอสมควร ทั้งในกลุ่มสอนภาษาออนไลน์ ทั้งเพื่อนที่เคยลองๆ มาบ้าง ผมก็เป็นพวกชอบลองของใหม่อยู่แล้ว ยิ่งอะไรที่เขาว่าทำเงินได้จากที่บ้านนี่ยิ่งสนใจใหญ่เลยครับ เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ลองดูซักตั้ง จะได้รู้กันไปเลยว่ามันดีจริงหรือแค่กระแส
ขั้นตอนการสมัครที่ไม่ได้หมู
ผมเริ่มจากโหลดแอป PalFish มาก่อนเลยครับ หน้าตาแอปก็ดูอินเตอร์ๆ หน่อย ตอนแรกก็งงๆ นิดหน่อยว่าจะเริ่มตรงไหน เพราะเมนูมันเยอะแยะไปหมด ผมก็จิ้มๆ คลำๆ ไปเรื่อย จนเจอตรงที่ให้สมัครเป็นผู้สอน
สิ่งที่ต้องเตรียมเนี่ยสิครับ ตอนแรกนึกว่าจะง่ายๆ แค่กรอกข้อมูลส่วนตัว ที่ไหนได้ เขาขอละเอียดเหมือนกันนะ ทั้งสำเนาบัตรประชาชน รูปถ่ายหน้าตรง แล้วที่สำคัญคือต้องมีใบรับรองการสอนภาษาอังกฤษด้วย พวก TEFL, TESOL อะไรพวกนั้น ผมเองก็พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แต่ใบเซอร์ฯ เนี่ยไม่มีกับเขาหรอกครับ ก็เลยต้องไปหาข้อมูลเพิ่มว่าถ้าไม่มีจะทำยังไงได้บ้าง บางคนก็บอกว่าลองส่งวุฒิการศึกษาสายภาษาไปแทนได้ ผมก็เลยลองยื่นปริญญาบัตรที่เป็นเอกอังกฤษไป ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าจะผ่านไหม
แล้วก็มีให้ทำวิดีโอแนะนำตัวเองอีกนะ ประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาที พูดภาษาอังกฤษล้วนๆ โชว์สำเนียง โชว์ความมั่นใจ ตอนอัดนี่ก็เขินๆ ตัวเองเหมือนกันครับ อัดไปหลายเทคอยู่กว่าจะพอใจ แล้วก็ต้องทำ Demo Class หรือคลิปสอนสั้นๆ ประมาณ 5-10 นาที อันนี้แหละที่ผมว่ายาก เพราะต้องเตรียมเนื้อหา เตรียมprops ประกอบการสอนเองหมดเลย ให้ดูน่าสนใจ ให้เด็กอยากเรียนด้วย ผมก็ไปหาตุ๊กตาหมีมาตัวนึง ทำบัตรคำง่ายๆ มาประกอบ ใช้เวลาเตรียมอยู่เป็นวันเหมือนกันนะ
รอแล้วรอเล่า กว่าจะได้อนุมัติ
พอยื่นเอกสาร ส่งคลิปอะไรครบหมดแล้ว ก็นั่งรอผลครับ ในแอปมันจะขึ้นสถานะว่ากำลังตรวจสอบ ผมก็เช็คทุกวันเลย ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นหวยอีกมั้งครับ ฮ่าๆ ประมาณอาทิตย์นึงได้มั้ง ถึงจะมีแจ้งเตือนมาว่าผ่านการอนุมัติแล้ว ดีใจมากครับตอนนั้น รู้สึกว่าความพยายามของเรามันไม่เสียเปล่า
พอผ่านแล้วก็ยังไม่ได้สอนเลยนะครับ ต้องไปตั้งค่าโปรไฟล์ตัวเองอีก ใส่เรทราคาค่าสอน (ซึ่งเขาก็มีเรทกลางๆ แนะนำอยู่) ตั้งเวลาที่เราสะดวกจะสอนได้ แล้วก็ต้องไปสอบวัดระดับภาษาอังกฤษของตัวแพลตฟอร์มเขาอีกรอบนึงด้วยนะ ถึงจะได้เริ่มรับงานจริงๆ จังๆ
ประสบการณ์การสอนจริง และสิ่งที่เจอ
ช่วงแรกๆ ที่เปิดรับสอน ก็ยังไม่ค่อยมีนักเรียนเข้ามาเท่าไหร่ครับ ผมก็อาศัยเข้าไปดูในกลุ่มของครู PalFish คนอื่นๆ ว่าเขามีเทคนิคเรียกลูกค้ายังไงบ้าง บางคนก็แนะนำให้ทำโปรไฟล์ให้น่าสนใจ อัดคลิปสั้นๆ โพสต์บ่อยๆ ผมก็ลองทำตามดู
นักเรียนส่วนใหญ่ ที่ผมเจอจะเป็นเด็กๆ ชาวจีนครับ อายุประมาณ 5-12 ขวบ ความน่ารักก็มี ความซนก็เยอะตามประสาเด็ก บางคนตั้งใจเรียนมาก พูดตามเก่ง แต่บางคนก็สมาธิสั้น ต้องคอยหากิจกรรมมาหลอกล่อ ชวนคุย ชวนเล่นเกม ไม่งั้นไม่ยอมเรียนเลยครับ
เรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตนี่ก็เป็นอีกปัญหาที่เจอครับ บ้านผมอยู่แถวๆ ชานเมืองหน่อย บางวันฝนตกหนักๆ เน็ตก็มีอาการแกว่งๆ บ้าง ทำให้ภาพกระตุก เสียงขาดๆ หายๆ ก็ต้องคอยขอโทษขอโพยผู้ปกครองกันไป
ส่วนเรื่องรายได้ ถ้าถามว่าดีไหม ก็ถือว่าพอเป็นค่าขนมได้ครับ แต่ถ้าจะให้เป็นรายได้หลักเลยอาจจะต้องทุ่มเทเวลาเยอะมากๆ แล้วก็ต้องมีฐานนักเรียนประจำเยอะพอสมควร เพราะมันไม่ใช่ว่าเปิดปุ๊บจะมีคนมาจองคิวเต็มตลอด มันก็มีช่วงพีค ช่วงเงียบบ้าง แล้วระบบการจ่ายเงินของเขาก็จะเป็นแบบโอนเข้าบัญชีที่เราผูกไว้ ซึ่งก็จะมีรอบของมัน ไม่ได้จ่ายทันทีหลังสอนเสร็จ
ที่สำคัญคือ ต้องแอคทีฟมากๆ ครับ แพลตฟอร์มนี้เขาเหมือนจะชอบครูที่ออนไลน์บ่อยๆ ตอบแชทไว มีกิจกรรมกับนักเรียนตลอด ถ้าเราหายๆ ไปนานๆ โปรไฟล์เราก็อาจจะถูกดันลงไป ไม่ค่อยมีคนเห็น
สรุปส่งท้าย จากที่ลองมากับตัว
ถามว่า PalFish ในไทยมันเวิร์คไหม สำหรับผมนะ ถ้ามองเป็นการหารายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ ฝึกภาษา ได้เจอเพื่อนใหม่ต่างชาติ (แม้จะเป็นเด็กๆ ก็ตาม) ก็ถือว่าโอเคเลยครับ แต่ต้องเข้าใจว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนะ มันต้องใช้ความพยายาม ความอดทน แล้วก็ต้องปรับตัวเยอะพอสมควร
ใครที่คิดจะลอง ผมแนะนำว่าให้เตรียมตัวให้พร้อมเรื่องเอกสาร เรื่องอุปกรณ์การสอน แล้วก็เตรียมใจเรื่องความไม่แน่นอนของนักเรียนไว้บ้าง ถ้าทำได้ ผมว่ามันก็เป็นอีกช่องทางนึงที่น่าสนใจสำหรับคนที่มีทักษะภาษาอังกฤษและรักการสอนครับ ทั้งหมดนี้ก็มาจากที่ผมไปลองผิดลองถูกด้วยตัวเองมาล้วนๆ เลยครับ เลยอยากเอามาแชร์ให้ฟังกัน