สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับการลองเป็นครูสอนภาษาอังกฤษออนไลน์กับแอปที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ นั่นก็คือ PalFish นั่นเอง คำถามยอดฮิตเลยคือ “palfish ดีไหม” เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นเลยว่าผมไปทำอะไรมาบ้าง
จุดเริ่มต้นที่อยากลอง PalFish
คือเรื่องมันเป็นงี้ครับ ช่วงนั้นผมก็มองหารายได้เสริมอยู่เหมือนกัน แล้วก็มีเพื่อนๆ หลายคนในโซเชียลพูดถึง PalFish ว่าเป็นช่องทางสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ชาวจีนได้นะ แถมเวลายืดหยุ่นด้วย ตอนแรกก็คิดในใจ เอ๊ะ มันจะจริงเหรอ จะยุ่งยากไหม แต่ด้วยความอยากลองของใหม่ บวกกับอยากใช้ภาษาอังกฤษที่มีอยู่บ้าง ก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะ ลองดูสักตั้ง!
ขั้นตอนการสมัครและเตรียมตัว
ผมก็เริ่มจากไปดาวน์โหลดแอป PalFish Teacher มาเลยครับ หน้าตาแอปก็ดูใช้ง่ายดีนะ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก แต่ข้อมูลที่ต้องกรอกก็ละเอียดพอสมควร
- อย่างแรกเลยก็คือข้อมูลส่วนตัวทั่วไป ชื่อ นามสกุล อีเมล เบอร์โทรศัพท์
- จากนั้นก็จะเป็นส่วนของการศึกษา ประสบการณ์การสอน (ถ้ามี) ผมก็ใส่ไปตามจริง
- ที่สำคัญเลยคือต้องมีเอกสารยืนยันตัวตน กับพวกวุฒิการศึกษา หรือใบรับรองการสอนต่างๆ (ถ้ามี TEFL/TESOL ก็จะดีมาก) ผมก็เตรียมไฟล์พวกนี้ไว้แล้วก็อัปโหลดไป
- ขั้นตอนที่แอบตื่นเต้นนิดหน่อยคือการอัดวิดีโอแนะนำตัวเองครับ ประมาณ 30 วินาที ถึง 1 นาที ให้พูดเป็นภาษาอังกฤษ แนะนำตัว สไตล์การสอนของเรา ตอนอัดนี่ก็มีเขินๆ บ้างนะ พูดผิดพูดถูกไปหลายเทคเหมือนกัน ฮ่าๆ
- แล้วก็มีการตั้งค่าโปรไฟล์ รูปโปรไฟล์ก็พยายามเลือกรูปที่ดูเป็นมิตร ดูน่าเชื่อถือหน่อย
พอส่งข้อมูลทุกอย่างไปหมดแล้ว ก็ต้องรอทาง PalFish ตรวจสอบครับ ช่วงรอนี่ก็ลุ้นๆ นิดหน่อยว่าจะผ่านไหมนะ
เมื่อได้รับการอนุมัติและเริ่มสอนจริง
หลังจากรออยู่ไม่กี่วัน (ของผมน่าจะประมาณ 2-3 วัน) ก็มีแจ้งเตือนมาว่าโปรไฟล์ได้รับการอนุมัติแล้ว! ดีใจมากครับ ตอนนั้นก็เริ่มเข้าไปตั้งค่าเวลาที่เราสะดวกสอน หรือที่เรียกว่า “เปิดสล็อต” นั่นเอง
ช่วงแรกๆ บอกตรงๆ เลยว่าเงียบกริบครับ ฮ่าๆ ไม่มีนักเรียนจองเข้ามาเลย ผมก็พยายามเข้าไปดูโปรไฟล์ของครูคนอื่นๆ ว่าเขาทำกันยังไง ตั้งโปรไฟล์แบบไหน ถ่ายวิดีโอแนะนำตัวยังไงน่าสนใจ ก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ
ผมลองเปิดสล็อตเวลาให้เยอะขึ้น ทั้งช่วงเช้าตรู่ กับช่วงเย็นๆ ค่ำๆ ที่เป็นเวลาเลิกเรียนของเด็กๆ ที่จีน แล้วก็พยายามออนไลน์ในแอปบ่อยๆ เผื่อมีนักเรียนอยากจะโทรเข้ามาแบบทันที (Instant Call)
แล้ววันหนึ่งก็มีนักเรียนคนแรกจองเข้ามาครับ! ตื่นเต้นมากกกก เป็นคลาสทดลองสอนสั้นๆ เด็กน้อยน่ารักมากครับ พูดเก่งด้วย ถึงจะตื่นเต้นแต่ก็พยายามสอนเต็มที่ ใช้สื่อการสอนที่มีในแอป พวกรูปภาพ เกมง่ายๆ
หลังจากนั้นก็เริ่มมีนักเรียนทยอยจองเข้ามาเรื่อยๆ ครับ บางคนก็เป็นนักเรียนประจำ บางคนก็มาลองเรียนครั้งเดียว ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็กๆ เลยครับ ตั้งแต่อนุบาลจนถึงประถมต้นๆ
- การเตรียมการสอน: ก่อนสอนทุกครั้งผมจะเข้าไปดูก่อนว่าบทเรียนวันนี้เกี่ยวกับอะไร มีคำศัพท์อะไรบ้าง กิจกรรมอะไรบ้าง จะได้เตรียมตัวถูกว่าจะอธิบายยังไงให้เด็กเข้าใจง่าย
- บรรยากาศการสอน: ผมพยายามทำให้สนุกสนานครับ ใช้เสียงสูงเสียงต่ำ ทำท่าทางประกอบเยอะๆ เด็กๆ จะได้ไม่เบื่อ มีการให้ดาว ให้รางวัลในแอปเวลาน้องตอบถูกหรือตั้งใจเรียน
- ปัญหาที่เจอ: ก็มีบ้างครับเรื่องอินเทอร์เน็ต บางทีสัญญาณไม่ค่อยดี ภาพกระตุก เสียงหาย ก็ต้องคอยเช็คเน็ตตัวเองให้พร้อมเสมอ หรือบางทีน้องนักเรียนอาจจะงอแงบ้าง ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ก็ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ พูดคุย ชวนเล่น
ข้อดี ข้อเสีย ในมุมมองของผม
จากที่ได้ลองทำมาสักพักใหญ่ๆ นะครับ ก็พอจะสรุปข้อดีข้อเสียจากประสบการณ์ตรงได้ประมาณนี้
ข้อดีที่ผมชอบ:
- ความยืดหยุ่นเรื่องเวลา: อันนี้ชอบมาก เราเลือกเปิดสอนเฉพาะเวลาที่เราสะดวกจริงๆ ได้เลย เหมาะกับคนที่อยากหารายได้เสริมแต่มีงานประจำ หรือมีภารกิจอื่น
- ได้ใช้ภาษาอังกฤษ: ได้ฝึกพูด ฝึกสอนจริงๆ จังๆ เลยครับ
- ไม่ต้องเดินทาง: สอนจากที่บ้านได้เลย ประหยัดเวลา ประหยัดค่าเดินทาง
- ได้เจอเด็กๆ น่ารัก: การได้เห็นพัฒนาการของเด็กๆ ที่เราสอนมันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งนะ
- ระบบค่อนข้างโอเค: ตัวแอปมีบทเรียน มีสื่อการสอนมาให้พร้อมระดับหนึ่ง ไม่ต้องเตรียมเองทั้งหมด
ข้อเสียหรือสิ่งที่ต้องพิจารณา:
- รายได้ไม่แน่นอน: โดยเฉพาะช่วงแรกๆ หรือถ้าเราไม่ได้มีโปรไฟล์ที่โดดเด่นมาก จำนวนนักเรียนอาจจะไม่สม่ำเสมอ รายได้ก็จะไม่คงที่
- การแข่งขันสูง: มีครูจากทั่วโลกเลยครับ เราต้องพยายามสร้างจุดเด่นให้ตัวเอง
- ความแตกต่างทางวัฒนธรรมและเวลา: ต้องเข้าใจว่าเราสอนเด็กต่างชาติ อาจจะต้องปรับตัวเรื่องการสื่อสาร และโซนเวลาก็สำคัญ
- ค่าตอบแทน: ถ้าเทียบกับงานสอนอื่นๆ บางคนอาจจะมองว่าไม่สูงมากนัก แต่สำหรับผมถ้ามองเป็นรายได้เสริมก็ถือว่าโอเค
- ต้องใช้พลังงานเยอะ: การสอนเด็กเล็กต้องแอคทีฟตลอดเวลา บางทีสอนติดกันหลายคลาสก็มีเหนื่อยบ้าง
สรุปแล้ว PalFish ดีไหม?
ถ้าถามผมว่า PalFish ดีไหม ผมคิดว่ามันก็ “ดีในระดับหนึ่งและขึ้นอยู่กับเป้าหมายของแต่ละคน” ครับ
ถ้าคุณกำลังมองหางานที่ยืดหยุ่น อยากใช้ภาษาอังกฤษ อยากมีประสบการณ์สอนเด็กๆ และไม่ได้คาดหวังรายได้ที่สูงมากในช่วงแรก PalFish ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ มันอาจจะต้องใช้ความพยายามและความอดทนในช่วงเริ่มต้นพอสมควร กว่าจะมีนักเรียนประจำ หรือกว่าจะจับทางได้ว่าต้องทำยังไง
สำหรับผมเอง ประสบการณ์ที่ได้จาก PalFish ถือว่าคุ้มค่านะครับ ได้ฝึกฝนตัวเองหลายอย่างเลย แต่ถ้าจะให้ยึดเป็นอาชีพหลักเลยอาจจะต้องคิดหนักหน่อย เพราะปัจจัยเรื่องความสม่ำเสมอของรายได้มันก็มีผล
ก็หวังว่าประสบการณ์ที่ผมมาแชร์ในวันนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจ PalFish อยู่นะครับ ลองพิจารณาข้อดีข้อเสีย แล้วก็ดูว่ามันตอบโจทย์เราไหม ถ้าใช่ก็ลองลุยเลยครับ!