สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับแอปสอนภาษาที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่ออย่าง PalFish ว่ามันดีจริงไหม จากที่ผมได้ลองไปคลุกคลีอยู่กับมันมาพักใหญ่ๆ เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังแบบหมดเปลือก ไม่มีกั๊กครับ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมลอง PalFish
เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมว่างๆ ครับ อยากหาอะไรทำแก้เบื่อ แถมถ้าได้เงินด้วยก็ยิ่งดีเลย เพื่อนก็แนะนำมาว่าลอง PalFish ดูสิ สอนภาษาอังกฤษเด็กๆ ง่ายๆ ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก ผมก็แบบ เอ้อ น่าสนใจดีแฮะ เลยลองโหลดแอปมาดูครับ ตอนแรกก็งงๆ นิดหน่อยกับขั้นตอนการสมัคร แต่ก็ทำตามที่เค้าบอกไปเรื่อยๆ
ขั้นตอนการสมัครและเตรียมตัว
ผมก็เริ่มจากกรอกข้อมูลส่วนตัวครับ ตามปกติเลย ชื่อ ที่อยู่ ประสบการณ์ (ถ้ามี) แล้วก็ต้องอัดวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ อันนี้แอบเขินนิดหน่อย ไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ฮ่าๆ แต่ก็พยายามพูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด โชว์สกิลภาษาอังกฤษเล็กน้อย จากนั้นก็ต้องทำแบบทดสอบนิดหน่อยครับ ไม่ได้ยากมากนะ เป็นความรู้พื้นฐานทั่วไป หลังจากส่งข้อมูลทั้งหมดไป ก็ต้องรอการอนุมัติครับ จำได้ว่ารอไม่นานเท่าไหร่ ไม่เกินสัปดาห์ก็มีแจ้งเตือนมาว่าผ่านแล้ว!
ประสบการณ์การสอนจริง
พอได้รับการอนุมัติ ผมก็ตื่นเต้นนะ รีบเข้าไปดูในแอปเลยว่ามีอะไรบ้าง
- หน้าตาแอป: สำหรับผม ผมว่ามันก็โอเคอยู่นะครับ ใช้ง่าย ไม่ซับซ้อน แบ่งหมวดหมู่ชัดเจนดี
- บทเรียน: อันนี้ผมชอบนะ เค้ามีบทเรียนสำเร็จรูปมาให้เลย เราแทบไม่ต้องเตรียมอะไรเองมาก แค่ศึกษาเนื้อหาก่อนสอนก็พอ ช่วยลดเวลาเตรียมตัวไปได้เยอะ
- นักเรียน: ส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะเป็นเด็กเล็กๆ ครับ น่ารักดี บางคนก็ตั้งใจเรียนมาก บางคนก็อาจจะมีซนบ้างตามประสาเด็ก ซึ่งเราก็ต้องมีวิธีรับมือที่ต่างกันไป
- การจองคลาส: ช่วงแรกๆ ที่ยังไม่มีรีวิว คลาสก็อาจจะยังไม่เยอะเท่าไหร่ครับ ต้องอาศัยความขยันเปิดช่องเวลาว่างเยอะๆ พอนานๆ ไป เริ่มมีรีวิวดีๆ นักเรียนประจำ คลาสก็จะเริ่มเข้ามาสม่ำเสมอมากขึ้น
จำได้เลยว่าคลาสแรกตื่นเต้นมากครับ กลัวพูดผิดพูดถูก กลัวเด็กไม่สนุก แต่พอได้เริ่มสอนจริงๆ มันก็ไหลไปได้เองนะ พยายามเล่นกับน้องๆ ชวนคุยเยอะๆ บรรยากาศก็ดีขึ้นเองครับ
เรื่องรายได้และความสม่ำเสมอ
มาถึงเรื่องสำคัญที่หลายคนอยากรู้ palfish ดีไหม ในแง่รายได้ สำหรับผมนะ ถ้ามองเป็นรายได้เสริมก็ถือว่าโอเคเลยครับ เรทค่าสอนก็อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้สูงมาก แต่ก็ไม่ได้น้อยจนน่าเกลียด สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอของคลาสครับ ถ้าเรามีนักเรียนจองเยอะ รายได้ต่อเดือนก็ถือว่าน่าพอใจเลย แต่ถ้าช่วงไหนคลาสเงียบๆ รายได้ก็อาจจะดรอปลงไปบ้าง อันนี้เป็นเรื่องปกติของงานฟรีแลนซ์ครับ
อีกอย่างที่ต้องใส่ใจคือการรักษาคุณภาพการสอนของเราครับ ถ้าเราสอนดี เด็กๆ ชอบ ผู้ปกครองเห็นผล เขาก็จะกลับมาจองซ้ำ หรือบอกต่อ ซึ่งมันส่งผลโดยตรงกับจำนวนคลาสและรายได้ของเราเลย
ข้อดีข้อเสียจากประสบการณ์ตรง
จากที่ผมได้ลองมา ผมสรุปข้อดีข้อเสียส่วนตัวได้ประมาณนี้ครับ
ข้อดี:
- ทำงานจากที่ไหนก็ได้: ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตกับมือถือหรือแท็บเล็ตก็สอนได้แล้ว สะดวกมาก
- เวลาค่อนข้างยืดหยุ่น: เราเลือกเปิดช่องเวลาที่เราสะดวกสอนได้เอง
- มีบทเรียนสำเร็จรูป: ประหยัดเวลาเตรียมการสอนไปได้เยอะ
- ได้ฝึกภาษา: ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา ถือเป็นการฝึกฝนตัวเองไปในตัว
- ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ: หมายถึงนักเรียนตัวน้อยๆ นี่แหละครับ บางทีก็มีเรื่องตลกๆ มาเล่าให้ฟัง
ข้อที่อาจจะต้องพิจารณา:
- ความสม่ำเสมอของรายได้: อย่างที่บอกไปครับ มันขึ้นอยู่กับจำนวนคลาสที่เราได้
- การแข่งขัน: ครูในระบบก็มีเยอะพอสมควร เราต้องสร้างจุดเด่นของตัวเอง
- เรื่องเทคนิค: บางทีก็อาจจะมีปัญหาเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ตบ้าง หรือแอปค้างบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่บ่อยครับ
- การจัดการเวลา: ถ้าเปิดสอนหลายช่วงเวลา ก็ต้องบริหารจัดการเวลาส่วนตัวดีๆ ครับ
สรุปแล้ว PalFish ดีไหมสำหรับผม?
ถ้าถามผมว่า palfish ดีไหม โดยรวมแล้วสำหรับผมถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีนะครับ มันเป็นช่องทางหาายได้เสริมที่ดี ได้ฝึกภาษา และได้ทำอะไรใหม่ๆ ที่ท้าทายความสามารถตัวเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป ใครที่กำลังมองหางานที่รายได้มั่นคงมากๆ ทุกเดือน อันนี้อาจจะต้องพิจารณาดูอีกทีครับ
แต่ถ้าคุณเป็นคนชอบสอน รักเด็ก อยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และไม่ซีเรียสเรื่องรายได้ที่อาจจะมีความผันผวนบ้าง ผมว่า PalFish ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจให้ลองดูครับ ผมเองก็ทำอยู่พักใหญ่ๆ เลยก่อนจะเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น แต่ก็ยังคิดถึงบรรยากาศการสอนเด็กๆ อยู่เหมือนกันนะ!
หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังสนใจ PalFish อยู่นะครับ ลองพิจารณาดูจากไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของตัวเองได้เลยครับ!