สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ที่ผมได้ไปลองคลุกคลีกับ PalFish มาบ้าง โดยเฉพาะเรื่องที่หลายคนอาจจะสงสัยกันคือเรื่อง “ราคา” หรือค่าใช้จ่ายต่างๆ นี่แหละครับ
ตอนนั้นผมก็ว่างๆ นะครับ อยากหาอะไรทำเสริมรายได้นิดหน่อย บวกกับชอบสอนภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็เลยลองค้นหาข้อมูลดูว่ามีแพลตฟอร์มไหนน่าสนใจบ้าง จนไปเจอเข้ากับ PalFish นี่แหละ เห็นคนพูดถึงกันเยอะพอสมควร
เริ่มต้นกับการศึกษาเรื่องราคา
สิ่งแรกที่ผมทำเลยคือเข้าไปดูว่า ไอ้เรื่อง “ราคา” เนี่ยมันเป็นยังไงกันแน่ เพราะแต่ละที่ก็มีโครงสร้างไม่เหมือนกันใช่ไหมครับ ตอนแรกก็คิดว่ามันจะตรงไปตรงมา แต่พอเอาเข้าจริง โอ้โห มันมีรายละเอียดเยอะกว่าที่คิดแฮะ
ถ้ามองในมุมของคนที่จะไปเป็นครูสอนนะครับ มันไม่ใช่แค่ว่าเราตั้งราคาเองแล้วจบเลยนะ มันมีปัจจัยหลายอย่างเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น:
- ประสบการณ์ของเรา: แน่นอนว่าครูที่มีประสบการณ์เยอะ หรือมีใบรับรองต่างๆ ก็อาจจะตั้งเรทได้สูงกว่า
- ประเภทของคลาสที่เราสอน: สอนแบบตัวต่อตัว สอนกลุ่มเล็ก หรือเป็นคลาสแบบ Free talk ราคาก็อาจจะแตกต่างกันไป
- เรทของครูคนอื่นๆ ในแพลตฟอร์ม: เราก็ต้องดูกระแสโดยรวมด้วยว่าครูคนอื่นๆ เขาตั้งกันประมาณไหน ถ้าเราโดดไปมากก็อาจจะไม่มีคนสนใจ
- ค่าธรรมเนียมของแพลตฟอร์ม: อันนี้สำคัญเลยครับ ต้องดูให้ดีว่า PalFish เขาหักค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ เหลือถึงเราจริงๆ เท่าไหร่ เพราะมันคือรายได้สุทธิของเรา
ผมจำได้เลยว่าตอนแรกๆ ก็งงๆ เหมือนกันนะว่าจะตั้งราคายังไงดี กลัวตั้งถูกไปก็ดูไม่โปร กลัวตั้งแพงไปก็ไม่มีนักเรียน ก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่เลยครับ
ลองสมัครและตั้งค่าต่างๆ
หลังจากพอจะจับทางเรื่องราคาได้บ้างแล้ว ผมก็ตัดสินใจลองสมัครดูครับ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก กรอกข้อมูลส่วนตัว อัปโหลดเอกสารที่จำเป็น แล้วก็มีการทำวิดีโอแนะนำตัวสั้นๆ ด้วย
พอโปรไฟล์ผ่านเรียบร้อย ทีนี้ก็มาถึงขั้นตอนการตั้งค่าคลาสเรียนและกำหนดราคาจริงๆ จังๆ ผมก็ลองตั้งไปตามที่ศึกษามาครับ เริ่มจากเรทที่ไม่สูงมากก่อน เพื่อดึงดูดนักเรียนใหม่ๆ แล้วก็ค่อยๆ สังเกตผลตอบรับ
ช่วงแรกๆ ก็มีนักเรียนเข้ามาบ้างประปรายครับ บางคนก็ต่อรองราคาบ้างตามประสา ผมก็พยายามยืดหยุ่นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเข้าใจว่าผู้ปกครองเองก็ต้องมองหาความคุ้มค่าเหมือนกัน
ประสบการณ์เรื่อง “ราคา” จากมุมผู้เรียน/ผู้ปกครอง
ทีนี้ ถ้ามองจากฝั่งผู้ปกครองที่อยากให้ลูกหลานเรียนภาษาอังกฤษกับ PalFish นะครับ เรื่องราคาก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญเลย ผมสังเกตว่ามันมีตัวเลือกค่อนข้างหลากหลายมาก ตั้งแต่ครูเจ้าของภาษาจริงๆ ไปจนถึงครูจากประเทศอื่นๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปตามโปรไฟล์ของครูแต่ละคน
นอกจากนี้ มันก็จะมีพวกโปรโมชั่น หรือแพ็กเกจการเรียนแบบต่างๆ ด้วย เช่น ซื้อหลายคลาสได้ราคาถูกลง หรือมีคลาสทดลองเรียนในราคาพิเศษ ผมว่าตรงนี้ผู้ปกครองก็ต้องใช้เวลาศึกษาข้อมูลพอสมควรเลยครับ เพื่อให้ได้สิ่งที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับลูกหลานตัวเองที่สุด
บทสรุปเรื่อง “ราคา” ของ PalFish จากประสบการณ์ผม
สรุปแล้วนะครับ ไอ้คำว่า “palfish ราคา” เนี่ย มันไม่ได้มีคำตอบตายตัวเป๊ะๆ หรอกครับ มันขึ้นอยู่กับว่าเรามองจากมุมไหน ถ้าเป็นครู ก็ต้องคำนวณต้นทุน เวลา ค่าธรรมเนียม และตั้งราคาให้เหมาะสมกับประสบการณ์และความสามารถของเรา ถ้าเป็นผู้เรียนหรือผู้ปกครอง ก็ต้องเปรียบเทียบความคุ้มค่า คุณภาพของครู และงบประมาณที่เรามี
สำหรับผมเอง การได้ลองเข้าไปคลุกคลีกับ PalFish ก็ทำให้เข้าใจกลไกเรื่องราคาของแพลตฟอร์มสอนออนไลน์มากขึ้นครับ มันไม่ใช่แค่เรื่องตัวเลข แต่เป็นเรื่องของการสร้างคุณค่า การตลาด และการจัดการด้วย ใครที่กำลังสนใจอยู่ ผมแนะนำว่าให้ลองเข้าไปศึกษาข้อมูลในแพลตฟอร์มเขาโดยตรงเลยครับ ดูเงื่อนไขต่างๆ ให้ละเอียด จะได้ตัดสินใจได้ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการไปสอน หรือการหาคลาสให้ลูกหลานก็ตาม
หวังว่าประสบการณ์ที่ผมเอามาแชร์วันนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างนะครับ ลองเอาไปปรับใช้กันดูครับผม!