สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับเรื่องที่หลายคนอาจจะสงสัยกันอยู่ โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาคอร์สเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ลูกๆ นั่นก็คือเรื่อง PalFish เนี่ย มันแพงจริงไหม? ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยตั้งคำถามนี้เหมือนกันครับ ก็เลยอยากจะมาเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นเลยว่าผมไปลอง ไปศึกษา จนได้ข้อสรุปกับตัวเองยังไง
เริ่มจากอะไร? ทำไมถึงสนใจ PalFish?
เรื่องของเรื่องก็คือ ลูกชายผมเนี่ย เริ่มโตแล้ว อยากให้เขาได้ฝึกภาษาอังกฤษแบบจริงๆ จังๆ ซะที ตอนแรกก็มองหาหลายที่เลยครับ ทั้งสถาบันสอนภาษาแถวบ้าน ทั้งครูสอนพิเศษ แต่ด้วยความที่งานผมก็ยุ่ง เวลาก็ไม่ค่อยจะตรงกัน เลยเริ่มมองหาตัวเลือกที่เป็นออนไลน์แทน ทีนี้แหละครับ ชื่อ PalFish ก็โผล่มาบ่อยมากในกลุ่มผู้ปกครอง เห็นรีวิวกันเยอะแยะไปหมด ทั้งดีบ้าง ไม่ดีบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะบอกว่าครูเป็นเจ้าของภาษาจริงๆ นะ อันนี้แหละที่ทำให้ผมเริ่มสนใจ
ขั้นตอนการศึกษาข้อมูล และความรู้สึกแรกกับราคา
พอเริ่มสนใจ ผมก็เข้าไปดูในแอปพลิเคชันของเค้าเลยครับ สิ่งแรกที่ทำคือดูเรื่องคอร์สเรียนก่อนเลยว่ามีแบบไหนบ้าง มีทั้งแบบเรียนเดี่ยว แบบกลุ่มเล็กๆ แล้วก็มีพวกหนังสืออ่านออนไลน์ด้วย ดูน่าสนใจดีนะ แต่พอไปถึงเรื่องราคา…อืมมมมมมม…อันนี้ต้องยอมรับเลยว่าตอนแรกที่เห็นตัวเลขก็แอบสะดุ้งเบาๆ เหมือนกันครับ มันก็ไม่ได้ถูกซะทีเดียวนะ ถ้าเทียบกับค่าขนมลูกต่อเดือน ฮ่าๆๆ
ผมก็เลยลองนั่งลิสต์ดูเลยครับว่าเค้ามีแพ็กเกจอะไรบ้าง ราคาแต่ละแพ็กเกจมันต่างกันยังไง แล้วจำนวนครั้งที่เรียนได้มันคุ้มค่าไหม
- แพ็กเกจเล็ก: จำนวนครั้งน้อย ราคาก็ดูเหมือนจะไม่แรงมาก แต่พอหารเฉลี่ยต่อครั้งแล้วก็ยังรู้สึกว่าสูงอยู่หน่อยๆ
- แพ็กเกจกลาง: จำนวนครั้งเยอะขึ้น ราคารวมก็สูงขึ้นตาม แต่พอหารเฉลี่ยต่อครั้งแล้วก็ดูจะสมเหตุสมผลขึ้นมาบ้าง
- แพ็กเกจใหญ่: อันนี้จำนวนครั้งเยอะสุด ราคารวมก็สูงสุด แต่ถ้าใครคิดว่าจะให้ลูกเรียนยาวๆ แบบต่อเนื่อง เฉลี่ยต่อครั้งแล้วก็จะถูกที่สุดในบรรดาทุกแพ็กเกจ
ตอนนั้นผมก็คิดหนักเลยครับ ว่าจะเอาไงดีหว่า? มันจะคุ้มกับเงินที่เสียไปไหม?
ลองเทียบกับตัวเลือกอื่น และการตัดสินใจ
ก่อนที่จะตัดสินใจ ผมก็ลองเอาไปเทียบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ดูนะ เช่น ถ้าส่งลูกไปเรียนพิเศษข้างนอก ค่าเดินทางเอย ค่าเรียนต่อชั่วโมงเอย มันก็ไม่ได้ถูกกว่ากันมากนัก แถมอันนี้ลูกได้เรียนที่บ้าน เราก็ไม่ต้องเหนื่อยเดินทางด้วย ประหยัดเวลาไปได้เยอะ ที่สำคัญคือได้เรียนกับครูต่างชาติจริงๆ ซึ่งถ้าไปหาเรียนตัวต่อตัวกับครูต่างชาติข้างนอก ราคาก็อาจจะแรงกว่านี้อีก
ผมก็เลยลองคิดแบบนี้ครับ:
- ความสะดวกสบาย: เรียนที่ไหนก็ได้ที่มีเน็ต อันนี้ให้คะแนนเต็ม
- คุณภาพครู: จากที่อ่านรีวิวมา ส่วนใหญ่ค่อนข้างโอเค แต่ก็มีบ้างที่อาจจะต้องเลือกครูหน่อย
- ความคุ้มค่า: อันนี้แหละปัญหาโลกแตก ฮ่าๆ
สุดท้าย ผมตัดสินใจลองซื้อเป็นแพ็กเกจขนาดกลางดูก่อนครับ คิดว่าถ้ามันไม่เวิร์คจริงๆ ก็จะได้ไม่เจ็บตัวมาก แต่ถ้ามันดี ลูกชอบ ก็ค่อยว่ากันอีกที
หลังจากการใช้งานจริง “แพงไหม” คำตอบของผมคือ…
หลังจากที่ให้ลูกได้ลองเรียนไปสักพัก ผมว่าคำว่า “แพง” หรือ “ไม่แพง” เนี่ย มันแล้วแต่มุมมองของแต่ละคนจริงๆ ครับ
สำหรับผมนะ ถ้ามองในแง่ของ…
- ผลลัพธ์ที่ได้: ลูกชายผมกล้าพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น จากที่ไม่ค่อยยอมพูดเลย ตอนนี้เริ่มมีศัพท์แปลกๆ มาคุยด้วย เริ่มเข้าใจสำเนียงครูต่างชาติมากขึ้น อันนี้ผมถือว่า โอเคเลย คุ้มค่า
- ประสบการณ์ที่ลูกได้รับ: การได้คุยกับครูต่างชาติจริงๆ มันเปิดโลกให้เค้าเหมือนกันนะ ได้เห็นวัฒนธรรมที่แตกต่างผ่านครูผู้สอน อันนี้เป็นสิ่งที่หาไม่ได้ง่ายๆ
- เวลาและความสะดวก: ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ทำให้มีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น อันนี้ก็ถือว่าซื้อเวลาและความสะดวกสบายมา
แต่ถ้ามองในแง่ของ…
- ตัวเงินล้วนๆ: ใช่ครับ มันก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยเลย ถ้าเทียบกับรายจ่ายอื่นๆ ในบ้าน
- ความสม่ำเสมอในการเรียน: ถ้าซื้อคอร์สไปแล้วลูกไม่ยอมเรียน หรือเรียนบ้างไม่เรียนบ้าง อันนี้แหละครับที่จะรู้สึกว่า “แพง” ขึ้นมาทันที เพราะเงินที่จ่ายไปมันไม่เกิดประโยชน์
ดังนั้น คำถามที่ว่า Palfish แพงไหม? สำหรับประสบการณ์ของผม ผมมองว่ามันเป็นการลงทุนอย่างหนึ่งครับ ถ้าเราเห็นผลลัพธ์ที่ดี ลูกเราพัฒนาขึ้นจริง ความรู้สึกว่า “แพง” มันก็จะลดลงไปเอง แต่ถ้าจ่ายไปแล้วไม่ได้อะไรกลับมาเลย อันนั้นต่อให้ถูกกว่านี้ก็คงรู้สึกว่าแพงอยู่ดี
ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่นะครับ ลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย และความคาดหวังของตัวเองดูครับ ไม่มีอะไรดีที่สุดสำหรับทุกคน แต่มีสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเราและลูกเราครับผม!