สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงเลยกับเรื่องที่หลายคนถามไถ่กันมาเยอะ ว่าการสมัครงาน PalFish เนี่ย มันเป็นยังไง สเต็ปมันเยอะจริงไหม ยากรึเปล่า เดี๋ยวเล่าให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ จากที่เคยลองผิดลองถูกมากับตัวเองล้วนๆ
จุดเริ่มต้นที่คิดว่าหมู
คือเรื่องมันเริ่มจากเห็นเพื่อนๆ หลายคนในโซเชียลนี่แหละครับ โพสต์กันจังว่าสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้เด็กจีนผ่านแอปนี้ รายได้ดี๊ดี แถมทำจากที่บ้านได้อีกต่างหาก โอ้โห ฟังแล้วตาลุกวาวเลยครับ ใครจะไม่สนล่ะครับ งานสบายๆ ได้เงิน ใครๆ ก็อยากทำใช่ไหมล่ะ ผมก็คนนึงแหละที่คิดแบบนั้นตอนแรก
ก็เลยลองโหลดแอป PalFish มาดูหน้าตาหน่อย เออ อินเตอร์เฟซมันก็ดูทันสมัย ใช้งานไม่น่าจะยากนะ ก็เลยลองกดๆ สมัครดูตามขั้นตอนที่มันแนะนำไปเรื่อยเปื่อย คิดในใจว่าแป๊บเดียวก็น่าจะเสร็จ ได้เริ่มสอนรับตังค์ละ ชิลๆ
ความจริงปรากฏ…เอกสารกับการเตรียมตัวที่วุ่นวาย
แต่พอเอาเข้าจริงเท่านั้นแหละครับคุณผู้ชม! ความคิดที่ว่ามันจะง่ายๆ ชิลๆ นี่หายวับไปกับตาเลย ขั้นตอนมันเยอะกว่าที่คิดไว้มาก โดยเฉพาะเรื่องเอกสารนี่คือแบบ…โอ้โห
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาวุฒิการศึกษา (ปริญญาตรีขึ้นไปนะ ถ้าจำไม่ผิด)
- ถ้ามีพวกใบรับรองการสอน TEFL/TESOL อะไรพวกนี้ก็ต้องยื่นด้วย
- รูปถ่ายหน้าตรง พื้นหลังขาวอีกต่างหาก ละเอียดเกิ๊น
ยังครับ ยังไม่หมดแค่นั้น มันจะมีให้เราอัดคลิปวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษด้วยนะ ประมาณ 30 วินาที ถึง 1 นาทีมั้ง ตอนนั้นคือแบบเกร็งมาก พูดผิดพูดถูกไปหลายเทคเลย อัดแล้วลบ ลบแล้วอัดใหม่อยู่หลายรอบกว่าจะพอใจ ไหนจะต้องทำหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พูดให้คล่อง ดูเป็นมิตรกับเด็กอีก
แล้วที่พีคสุดๆ เลยนะ คือการเตรียม Demo Class หรือคลาสสอนตัวอย่าง อันนี้คือต้องเตรียมการสอนจริงๆ เหมือนเรากำลังจะสอนเด็กเลย ต้องมีสไลด์ มีสื่อการสอนประกอบ อย่างเช่น ตุ๊กตา บัตรคำ หรืออะไรก็ได้ที่ดึงดูดความสนใจเด็กเล็กๆ ได้ คือตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองต้องกลายเป็นนักแสดงละครใบ้ผสมครูอนุบาลเลยครับ ต้องซ้อมพูด ซ้อมทำท่าทางประกอบเพลงอีกต่างหาก บอกเลยว่าเหนื่อยไม่ใช่เล่น!
ช่วงเวลารอคอย…และบทเรียนที่ได้เรียนรู้
หลังจากส่งทุกสิ่งอย่างที่ว่ามาทั้งหมด ทั้งเอกสาร คลิปแนะนำตัว คลิปเดโม่ ก็เข้าสู่ช่วงเวลาแห่งการรอคอยครับ รอแล้วรอเล่า เช็คอีเมลทุกวันว่าเมื่อไหร่ผลจะออก ลุ้นยิ่งกว่าลุ้นหวยอีกครับตอนนั้น บางทีก็แอบคิดนะว่า เห้ย เราทำอะไรพลาดไปรึเปล่า ทำไมมันนานจัง หรือเขาไม่เลือกเราแล้ววะ
สุดท้าย ผลก็ออกมาครับ (จะผ่านหรือไม่ผ่านตรงนี้ขอไม่ลงรายละเอียดละกันเนอะ) แต่สิ่งที่ผมอยากจะบอกก็คือ กระบวนการสมัคร PalFish เนี่ย มันไม่ใช่แค่กรอกๆ ส่งๆ แล้วจะได้เลยนะ มันมีการแข่งขันกันสูงมาก แล้วทาง PalFish เองเขาก็มีมาตรฐานของเขาที่ค่อนข้างเป๊ะพอสมควร ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็จะผ่านเข้าไปสอนได้ง่ายๆ อย่างที่คิดกัน
เอาจริงๆ นะ ตอนนั้นผมได้เรียนรู้อะไรเยอะเลย มันไม่ใช่แค่เรื่องภาษาอังกฤษดีอย่างเดียว แต่มันรวมไปถึงความสามารถในการ ‘entertain’ เด็ก การเตรียมตัว การจัดการเวลา ความเสถียรของอินเทอร์เน็ต สภาพแวดล้อมในการสอนที่ต้องดูดี ไม่มีเสียงรบกวน แสงสว่างต้องเพียงพอ คือมันมีรายละเอียดจุกจิกเยอะมากที่ต้องใส่ใจ ถ้าคิดจะทำเป็นอาชีพจริงๆ จังๆ
บทสรุปจากคนเคยลอง (ผิดลองถูก)
ถ้าถามผมว่า สมัคร PalFish คุ้มไหม? อันนี้ตอบยากเลยครับ มันแล้วแต่คนจริงๆ ถ้าคุณเป็นคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่เขาต้องการ มีใจรักในการสอนเด็กจริงๆ อดทนกับกระบวนการคัดเลือกที่ค่อนข้างละเอียดได้ และพร้อมที่จะปรับตัว พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ ผมว่ามันก็เป็นอีกช่องทางที่น่าสนใจในการสร้างรายได้นะครับ
แต่ถ้าใครคิดว่าจะมาสมัครเล่นๆ หาเงินง่ายๆ สบายๆ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก อันนี้ผมบอกเลยว่า คิดผิดมหันต์! เพราะมันคือ “งาน” จริงๆ ที่ต้องใช้ทั้งทักษะ ความพยายาม ความเป็นมืออาชีพ และความอดทนสูงมาก ไม่ใช่งานอดิเรกทำแก้เบื่อนะจ๊ะ
ทุกวันนี้ก็ยังเห็นคนสนใจสมัคร PalFish กันอยู่เรื่อยๆ นะครับ บางคนก็ได้ บางคนก็อาจจะต้องพยายามใหม่ ก็ถือซะว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิตที่เอามาแชร์สู่กันฟัง เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจหรือกำลังเตรียมตัวสมัครอยู่ จะได้เห็นภาพรวมและเตรียมตัวเตรียมใจได้ถูกทางครับผม สู้ๆ ครับ!
