สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิป วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับการลองสมัครสอนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ Palfish ดูบ้างครับ เห็นหลายคนถามๆ กันในนี้เยอะ ผมก็เลยอยากจะมาเล่าจากมุมของคนที่ลองทำจริงๆ เลย
เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมว่างๆ ครับ อยากหาอะไรทำเสริม แล้วก็ชอบสอนภาษาอยู่แล้วด้วย ก็เลยลองไปค้นๆ ดูในเน็ตนี่แหละครับ อ่านรีวิวในพันทิปเยอะเลย ทั้งคนที่ทำแล้วเวิร์ค ทั้งคนที่เจอปัญหา ก็เลยคิดว่า เอ้อ ลองเองเลยดีกว่า จะได้รู้กันไปเลย!
ขั้นตอนการเริ่มต้นของผม
เริ่มแรกเลย ผมก็โหลดแอปพลิเคชัน Palfish Teacher มาติดตั้งในมือถือก่อนเลยครับ หน้าตามันก็ดูใช้งานง่ายดีนะ ไม่ซับซ้อนอะไรมาก จากนั้นก็เริ่มขั้นตอนการสมัคร ซึ่งก็จะมีให้กรอกข้อมูลส่วนตัวทั่วไป แล้วก็ที่สำคัญคือพวกเอกสารครับ
- สำเนาบัตรประชาชน อันนี้ต้องมีอยู่แล้ว
- วุฒิการศึกษา ผมใช้ใบปริญญาตรีของผม
- ถ้ามีพวกใบรับรองการสอนภาษาอังกฤษ เช่น TESOL, TEFL อะไรพวกนี้ ก็จะดีมากครับ ผมมีอันนึงก็เลยแนบไปด้วย
หลังจากส่งเอกสารไป ก็ต้องรอเค้าตรวจสอบครับ ของผมนี่รอประมาณวันสองวันมั้ง ก็มีอีเมลแจ้งกลับมาว่าผ่านเบื้องต้นแล้ว ขั้นตอนต่อไปนี่แหละครับที่หลายคนอาจจะตื่นเต้นหน่อย คือการอัดวิดีโอแนะนำตัวเอง แล้วก็มีการทำ Demo หรือการทดลองสอนสั้นๆ ให้เค้าดูครับ
การเตรียมตัวสำหรับ Demo และการสอนจริง
ตอนทำ Demo ผมก็พยายามทำให้เป็นธรรมชาติที่สุดครับ เลือกหัวข้อง่ายๆ ที่คิดว่าเด็กๆ น่าจะชอบ แล้วก็เตรียมพวก props เล็กๆ น้อยๆ มาประกอบการสอนด้วย ให้มันดูน่าสนใจหน่อย ตอนอัดก็แอบเกร็งๆ นิดนึงนะ ฮ่าๆ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
พอผ่าน Demo เรียบร้อยแล้ว ทีนี้ก็ถึงเวลาตั้งค่าโปรไฟล์ของเราให้ดูน่าสนใจครับ ใส่รูปโปรไฟล์ดีๆ เขียนแนะนำตัวเองให้น่าอ่าน แล้วก็ตั้งเรทค่าสอนของเรา ซึ่ง Palfish เนี่ยมันจะมีหลายแบบนะ ทั้งแบบ Free Talk ที่คุยกันทั่วไป กับแบบ Official Kids Course ที่เค้าจะมีหลักสูตรมาให้เลย
ประสบการณ์การสอนจริงจัง
ช่วงแรกๆ ที่เปิดโปรไฟล์ อาจจะต้องรอนิดนึงนะครับ กว่าจะมีนักเรียนเข้ามาทัก หรือจองคลาส ผมก็พยายามเข้าไปดูในแอปบ่อยๆ ดูว่ามีใครโพสต์หานักเรียนบ้าง หรือเข้าไปมีส่วนร่วมในกลุ่มของครูในแอปบ้าง
พอเริ่มมีนักเรียนคนแรกๆ เข้ามา ก็จะเริ่มจับทางได้ครับ นักเรียนส่วนใหญ่ที่ผมเจอจะเป็นเด็กๆ ชาวจีนครับ น่ารักดี แต่ก็มีซนบ้างตามประสาเด็ก ฮ่าๆ สิ่งสำคัญเลยคือการเตรียมตัวสอนครับ ถึงแม้ว่าบางคอร์สเค้าจะมีสไลด์มาให้แล้ว แต่เราก็ต้องทำความเข้าใจเนื้อหา แล้วก็คิดกิจกรรมเสริมเข้าไปด้วย เพื่อให้คลาสมันสนุก ไม่น่าเบื่อ
สิ่งที่ผมเจอระหว่างทาง
- เวลา: อันนี้ต้องบริหารจัดการดีๆ ครับ เพราะเวลาของเด็กจีนเค้าจะเร็วกว่าเรา เราต้องดูตารางสอนของเราให้ดี อย่าให้ชนกัน หรือรับงานจนตัวเองไม่ไหว
- อินเทอร์เน็ต: สำคัญมากกกก! เน็ตต้องแรงและเสถียรครับ ถ้าเน็ตหลุดระหว่างสอนนี่เรื่องใหญ่เลย ผมเคยเจอทีนึง หัวหมุนเลยครับ ดีที่แก้ไขทัน
- ความอดทน: บางทีเด็กก็อาจจะไม่ให้ความร่วมมือบ้าง เราก็ต้องใจเย็นๆ ครับ พยายามหาวิธีดึงความสนใจเค้ากลับมาให้ได้
- รายได้: มันก็ไม่ได้มากมายอะไรขนาดนั้นนะครับ สำหรับผมถือว่าเป็นรายได้เสริมที่ดี แต่ถ้าจะให้เป็นรายได้หลักเลย อาจจะต้องทุ่มเทเวลาเยอะมากๆ แล้วก็ต้องมีฐานนักเรียนประจำเยอะพอสมควร
สรุปแล้ว Palfish เวิร์คไหมสำหรับผม
ถ้าถามว่าเวิร์คไหม ผมว่ามันก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ดีนะครับ สำหรับคนที่อยากหารายได้เสริม หรืออยากลองประสบการณ์การสอนออนไลน์ ได้ฝึกภาษาตัวเองไปด้วยในตัว ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ จากต่างแดนด้วย
แต่ก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่งานที่สบายๆ แล้วจะได้เงินง่ายๆ นะครับ มันต้องใช้ความพยายาม ความสม่ำเสมอในการเข้ามาดูแอป การเตรียมการสอน แล้วก็การสร้างโปรไฟล์ของเราให้น่าเชื่อถือด้วย
ใครที่กำลังมองหาแนวๆ นี้อยู่ ผมว่า Palfish ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ ลองศึกษาข้อมูลดูเยอะๆ อ่านรีวิวจากหลายๆ ที่ แล้วก็ลองประเมินตัวเองดูว่าไลฟ์สไตล์ของเราเหมาะกับงานแบบนี้หรือเปล่า ถ้าใช่ ก็ลุยเลยครับ! ผมก็เป็นคนนึงที่ลองแล้วก็รู้สึกว่าเออ มันก็ได้อะไรกลับมาเยอะเหมือนกันนะ อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ที่หาจากที่อื่นไม่ได้ครับ หวังว่ารีวิวของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างนะครับ