สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ เลยนะครับ เรื่องที่ผมไปลองหาข้อมูลเกี่ยวกับคลาสเรียน Palfish โดยเฉพาะเรื่องสำคัญมากๆ อย่าง ‘palfish class ราคา’ เนี่ยแหละครับ ว่ามันเป็นยังไงกันแน่
จุดเริ่มต้นการตามล่าหาข้อมูลราคา Palfish
เรื่องของเรื่องก็คือ ลูกชายผมเนี่ยแหละครับ ภาษาอังกฤษที่โรงเรียนมันก็แบบ… อืม นะครับ ก็เลยอยากหาตัวช่วยเสริมให้เค้าหน่อย เพื่อนๆ หลายคนก็แนะนำ Palfish กันมาเยอะ ผมก็เลย เอาวะ! ลองเข้าไปดูหน่อยสิว่าเป็นยังไง
พอเริ่มเข้าไปส่องๆ ดูในแอป ในเว็บเค้า โอ้โห หน้าตาดูดีน่าใช้เลยครับ สีสันสดใสเชียว แต่พอจะเริ่มมองหาว่า เอ๊ะ แล้วราคาคลาสมันเท่าไหร่กันล่ะ? ตรงนี้แหละครับที่เริ่มจะไม่ง่ายอย่างที่คิดละ
ล้วงลึกข้อมูลราคา (ที่ไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วย)
ผมเองก็ใช้เวลาคลิกไปคลิกมาอยู่พักใหญ่เลยครับ กว่าจะเจอข้อมูลที่เกี่ยวกับราคาแบบจริงๆ จังๆ บางทีข้อมูลมันก็ไม่ได้อยู่หน้าแรกๆ แบบเห็นได้ชัดเจน ต้องกดเข้าไปดูในรายละเอียดของคอร์สต่างๆ หรือบางทีก็ต้องไปอาศัยอ่านจากรีวิวของพ่อๆ แม่ๆ ท่านอื่นที่เคยให้ลูกเรียนมาก่อน ถึงขนาดไปลองค้นดูเลยนะครับว่าบริษัทอะไรเป็นเจ้าของ ไอ้เราก็อยากรู้ไปหมด ฮ่าๆ ก็เห็นว่าเป็นบริษัทแม่ชื่อ Beijing DuWo Technology Co. อะไรประมาณนี้แหละครับ อยู่ที่จีนนู่นเลย
ทีนี้พอเริ่มเจอข้อมูลราคาแล้วเนี่ย มันไม่ได้มีราคาเดียวตายตัวครับ! อันนี้ต้องทำความเข้าใจกันก่อนเลย มันมีหลายปัจจัยมากๆ ที่ทำให้ราคาแตกต่างกันไป ผมสรุปคร่าวๆ ที่ผมเจอมาได้ประมาณนี้ครับ:
- ประเภทของคุณครู: อันนี้ชัดเจนเลยครับ ถ้าเลือกเรียนกับครูที่เป็นเจ้าของภาษา (Native Speaker) ราคาก็จะสูงขึ้นมาหน่อย แต่ถ้าเป็นครูจากประเทศอื่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์ ราคาก็จะย่อมเยาลงมา ซึ่งตรงนี้ก็ต้องดูโปรไฟล์ครูประกอบการตัดสินใจอีกทีครับ
- จำนวนคลาสที่ซื้อ: ส่วนใหญ่แล้วถ้าเราซื้อเป็นแพ็กเกจใหญ่ เรียนหลายๆ คลาสพร้อมกัน ราคาต่อคลาสก็จะถูกลงมาครับ เหมือนซื้อส่งนั่นแหละ แต่ก็ต้องยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่ไปก่อนทีเดียว
- โปรโมชั่นในช่วงนั้นๆ: อันนี้ก็สำคัญครับ บางทีเค้าก็จะมีโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม ออกมาเรื่อยๆ ต้องคอยติดตามดีๆ เลยครับ ถ้าเจอจังหวะดีๆ ก็อาจจะได้ราคาที่คุ้มค่ามากๆ
- ประเภทของคอร์สเรียน: เหมือนเค้าจะมีคอร์สหลายแบบให้เลือกนะครับ ทั้งแบบเรียนตัวต่อตัว หรืออาจจะมีคลาสกลุ่มเล็กๆ ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไปอีก
ประสบการณ์ส่วนตัวกับการตัดสินใจเรื่องราคา
ตอนที่ผมหาข้อมูลเนี่ย ก็ยอมรับเลยครับว่าคิดหนักเหมือนกัน เพราะช่วงนั้นก็มีค่าใช้จ่ายหลายอย่าง การจะจ่ายเงินก้อนใหญ่สำหรับค่าเรียนพิเศษให้ลูกก็ต้องคิดให้รอบคอบมากๆ ครับ ผมลองเอาไปเทียบกับการส่งลูกไปเรียนตามสถาบันสอนภาษาข้างนอกดู มันก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไปนะครับ เรียนออนไลน์แบบ Palfish มันก็สะดวกตรงที่เราไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ลูกเรียนอยู่ที่บ้านได้เลย แต่ใจนึงก็แอบกังวลว่าลูกจะไม่มีสมาธิเท่าไปเรียนในห้องเรียนจริงๆ รึเปล่า
สุดท้ายแล้วเรื่อง ‘palfish class ราคา’ เนี่ย สำหรับผมมองว่ามัน แล้วแต่มุมมองและความพร้อมของแต่ละบ้านจริงๆ ครับ บางคนอาจจะมองว่าคุ้มค่า เพราะลูกได้เรียนกับครูต่างชาติจริงๆ ได้ฝึกพูดฝึกฟังแบบไม่ต้องเดินทางไปไหนไกล แถมเลือกเวลาเรียนได้ค่อนข้างอิสระ
แต่สำหรับบางครอบครัวที่อาจจะมีงบประมาณจำกัด หรือลูกอาจจะยังเล็กมาก ยังต้องการการดูแลใกล้ชิดเวลาเรียน ก็อาจจะต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วยครับ
ฝากไว้ให้คิดก่อนตัดสินใจ
จากประสบการณ์ที่ผมไปลองศึกษาข้อมูลมาทั้งหมดเนี่ย ก็อยากจะแนะนำเพื่อนๆ ว่า ถ้าใครกำลังสนใจ Palfish อยู่ ลองใช้เวลาศึกษาเรื่องราคาและรายละเอียดคอร์สต่างๆ ให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนนะครับ ลองเปรียบเทียบดูหลายๆ แบบ หรือถ้าจะให้ดีที่สุด ลองหาโอกาสพูดคุยกับคนที่เคยให้ลูกเรียนจริง หรือลองหาคลาสทดลองเรียนดูก่อน (ถ้ามี) จะได้รู้ว่ามันตอบโจทย์ความต้องการของเราและเหมาะกับลูกของเราจริงๆ รึเปล่า
เพราะสุดท้ายแล้ว การลงทุนเพื่อการศึกษาของลูกเป็นเรื่องสำคัญครับ แต่ก็ต้องเป็นการลงทุนที่เราเองก็สบายใจและไม่เดือดร้อนจนเกินไป หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ บ้างไม่มากก็น้อยนะครับ!