สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงที่ได้ไปลองใช้แอปชื่อ Palfish มาสักพักใหญ่ๆ แล้ว เห็นมีคนพูดถึงกันเยอะแยะ ทั้งดีบ้างไม่ดีบ้าง ผมก็เลยอยากรู้ไงว่ามันเป็นยังไงกันแน่ เลยตัดสินใจลองสมัครเข้าไปดูเองเลย
จุดเริ่มต้นของการลอง Palfish
คือช่วงนั้นผมก็ว่างๆ อะนะ อยากหาอะไรทำเป็นงานเสริมเล็กๆ น้อยๆ หรือไม่ก็อยากจะฝึกภาษาไปด้วยในตัว พอดีไปเจอรีวิวแอปนี้ผ่านๆ ตามา ดูเหมือนจะน่าสนใจดี เป็นแอปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ต่างชาติ ผมก็พอได้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เลยคิดว่าเออ…น่าจะลองดู ไม่เสียหายอะไร
ขั้นตอนการสมัคร และความรู้สึกแรก
ตอนสมัครนี่ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมากมายนะ กรอกข้อมูลส่วนตัวทั่วไป อัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตนอะไรพวกนั้นไป ก็มีพวกวุฒิการศึกษา ใบรับรองสอนภาษา (ถ้ามี) แล้วก็ต้องอัดวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ ส่งไปด้วย รออนุมัติก็ไม่นานเท่าไหร่ ประมาณวันสองวันมั้งถ้าจำไม่ผิด แต่ก็มีหงุดหงิดบ้างนะตอนกรอกข้อมูล คือบางทีระบบมันก็จะเอ๋อๆ ช้าๆ หน่วงๆ หน่อย กดไปแล้วไม่ไปบ้าง ต้องกดซ้ำๆ อะไรงี้ แต่ก็ทนๆ เอา
พอโปรไฟล์อนุมัติปุ๊บ ผมก็เริ่มเข้าไปส่องๆ ดูในแอปเลยว่ามันมีอะไรบ้าง หน้าตาแอปก็ดูใช้งานไม่ยากนะ สีสันสดใสดี เหมาะกับเด็กๆ เค้าแหละ มีส่วนให้เราตั้งค่าโปรไฟล์ ใส่เรทค่าสอน กำหนดเวลาที่เราว่างสอนได้เอง อันนี้ถือว่าค่อนข้างยืดหยุ่นดี
ประสบการณ์การสอนจริงจัง
ช่วงแรกๆ ที่เปิดโปรไฟล์ใหม่ๆ นี่บอกเลยว่าเงียบกริบ ไม่มีเด็กทักมาเลยจ้า ผมก็เอ๊ะ ทำไงดีวะ ก็เลยต้องไปนั่งศึกษาดูว่าคนอื่นเค้าทำโปรไฟล์กันยังไง ต้องแอคทีฟยังไงให้นักเรียนเห็นเรามากขึ้น ก็ต้องพยายามเข้าไปมีส่วนร่วมในคอมมูนิตี้ของแอปบ้าง โพสต์นู่นนี่นั่นไปตามเรื่อง
พอเริ่มมีนักเรียนคนแรกทักมาจองคลาสทดลองเรียน โอ้โห ดีใจมาก! คลาสแรกๆ ก็จะเกร็งๆ หน่อย เพราะเราก็ยังไม่ชินกับระบบ ไม่ชินกับเด็กด้วย เด็กส่วนใหญ่ที่เจอจะเป็นเด็กจีนนะ น่ารักดี แต่ก็มีบ้างที่แบบ…ซนมากกกก หรือบางคนก็ขี้อายสุดๆ ไม่ยอมพูดอะไรเลย เราก็ต้องพยายามชวนคุย หาเกมมาเล่น ใช้พลังงานเยอะเหมือนกันนะแต่ละคลาส
เรื่องสื่อการสอน ในแอปเค้าก็จะมีเตรียมไว้ให้บ้าง เป็นสไลด์ เป็นรูปภาพประกอบ แต่เอาจริงๆ นะ สื่อบางอันมันก็ดูเก่าๆ ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ผมก็ต้องไปหาโหลดสื่ออื่นๆ มาเสริมเองบ้าง หรือบางทีก็ปรับจากสื่อที่เค้ามีให้มันดูสนุกขึ้น ไม่งั้นเด็กเบื่อแย่
ปัญหาที่เจอบ่อยๆ เลยนะ คือเรื่องสัญญาณอินเทอร์เน็ต อันนี้สำคัญมาก ถ้าเน็ตเราไม่ดี หรือเน็ตฝั่งนักเรียนไม่ดีนี่คือจบเลยนะ สอนๆ ไปภาพค้าง เสียงหาย เด็กก็งง เราก็หัวเสีย บางทีหลุดกลางคัน โคตรเซ็ง!
เรื่องเงินๆ ทองๆ และข้อดีข้อเสียที่เจอ
มาถึงเรื่องสำคัญ คือเรื่องเงินค่าสอน Palfish เนี่ยเค้าจะจ่ายเป็นรายเดือนนะ โอนเข้าบัญชีที่เราผูกไว้ เรทค่าสอนมันก็แล้วแต่โปรไฟล์เรา ประสบการณ์เรา ถ้าเรามีใบรับรองนู่นนี่นั่นเยอะๆ ก็อาจจะได้เรทสูงหน่อย แต่สำหรับผมที่เริ่มใหม่ๆ เรทก็ไม่ได้สูงปรี๊ดปร๊าดอะไรมาก พอเป็นค่าขนมได้ แต่ถ้าจะหวังรวยจากอันนี้เลยคงยากหน่อย
ข้อดีที่ผมเห็นชัดๆ เลยคือ:
- ความยืดหยุ่นเรื่องเวลา: เรากำหนดตารางสอนเองได้เลย ว่างตอนไหนก็เปิดสอนตอนนั้น เหมาะกับคนที่มีงานประจำแล้วอยากหารายได้เสริม
- ได้ฝึกภาษา: อันนี้แน่นอน ได้พูดคุยกับเจ้าของภาษา (เด็กๆ) ทุกวัน มันช่วยให้เราคล่องขึ้นเยอะ
- ได้เจอวัฒนธรรมใหม่ๆ: คุยกับเด็กต่างชาติก็ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เกี่ยวกับประเทศเค้าเหมือนกันนะ
ส่วนข้อเสียที่รู้สึกได้ก็มีเหมือนกัน:
- เรทค่าสอนอาจจะไม่สูงมาก: อย่างที่บอกไป ถ้าไม่ได้มีโปรไฟล์เทพจริงๆ ก็อาจจะไม่ได้เยอะอย่างที่คิด
- ต้องแอคทีฟตลอด: ถ้าอยากมีนักเรียนเยอะๆ ก็ต้องขยันโปรโมทตัวเอง ขยันออนไลน์ ไม่งั้นโปรไฟล์เราก็จมหาย
- ปัญหาทางเทคนิค: เรื่องสัญญาณเน็ต เรื่องแอปค้างบ้างอะไรบ้าง ก็ต้องทำใจ
- สื่อการสอนอาจจะต้องปรับปรุง: บางทีก็ต้องเสียเวลาหาหรือทำสื่อเองเพิ่ม
สรุปส่งท้าย
โดยรวมแล้ว Palfish มันก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางสำหรับคนที่อยากสอนภาษาออนไลน์ หรืออยากหารายได้เสริมนะ ถามว่าดีมั้ย มันก็มีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่ต้องปรับปรุงแหละ ถ้าคุณเป็นคนที่มีความอดทนสูง ชอบเด็กๆ ไม่ได้คาดหวังเรื่องรายได้แบบตูมตาม แล้วก็พร้อมที่จะเรียนรู้ปรับตัวไปกับมัน ผมว่ามันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างหนึ่งเลย
แต่ถ้าใครคิดจะเข้ามาทำแบบจริงจัง หวังเป็นรายได้หลัก ก็อาจจะต้องทำการบ้านหนักหน่อย ต้องสร้างโปรไฟล์ให้แข็งแรงมากๆ แล้วก็ต้องทุ่มเทเวลาเยอะพอสมควรเลยล่ะ ที่สำคัญคือต้องมีอินเทอร์เน็ตที่เสถียรมากๆ นะ ไม่งั้นหงุดหงิดเปล่าๆ ครับ
ใครสนใจก็ลองไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูได้นะ แต่ก็อย่างที่บอก เตรียมใจไว้หน่อยกับการแข่งขัน แล้วก็ปัญหาจุกจิกที่อาจจะเจอ มันไม่มีอะไรง่ายไปซะทุกอย่างหรอกเนอะ ลองดูครับ ไม่เสียหาย!