สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวกับสิ่งที่เรียกว่า Palfish เผื่อใครกำลังสงสัยว่า palfish คือ อะไรกันแน่ ผมจะเล่าจากที่ลองมากับตัวเองเลยนะ แบบบ้านๆ เข้าใจง่ายๆ
จุดเริ่มต้นความสงสัย และการลองของ
เรื่องมันเริ่มมาจากช่วงนึงที่ผมรู้สึกเบื่องานประจำสุดๆ อยากหาอะไรใหม่ๆ ทำแก้เซ็ง แล้วก็แอบหวังเล็กๆ ว่าถ้าได้เงินเพิ่มด้วยก็คงจะดีไม่น้อย ฮ่าๆๆ ตอนนั้นเพื่อนก็โยนคำว่า “Palfish” มาให้ ไอ้เราก็ หืม? อะไรนะ? Palfish? ชื่อแปลกๆ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยในชีวิต ก็เลยเกิดความสงสัยปนกับความอยากรู้อยากลอง เลยตัดสินใจว่า เอาวะ! ลองดูซักตั้ง มันจะเป็นยังไงกันเชียว
ผมเริ่มด้วยการไปค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ พิมพ์คำว่า “Palfish” ลงไป ก็มีข้อมูลขึ้นมาบ้าง ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ ก็พยายามอ่านๆ ทำความเข้าใจดู จากนั้นก็ลองโหลดแอปพลิเคชันของเค้ามาเลย หน้าตาแอปตอนแรกก็ดูงงๆ หน่อยนะ มีเมนูเยอะแยะไปหมด แต่ก็ค่อยๆ กดเล่น ค่อยๆ คลำทางไปเรื่อยๆ
อ๋อ! Palfish มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
หลังจากที่ได้ลองเล่นแอปอยู่พักใหญ่ๆ บวกกับข้อมูลที่ไปอ่านเจอมา ก็เริ่มจะเก็ทแล้วว่า Palfish มันคืออะไร สรุปง่ายๆ นะครับ Palfish คือ แพลตฟอร์มสำหรับสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ครับ แต่ที่เห็นเน้นๆ เลยคือเค้าจะเน้นสอนเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กนักเรียนจากประเทศจีนเป็นหลักเลย ในแอปเนี่ย มันก็จะมีรูปแบบการสอนหลายอย่างนะ เช่น:
- Official Kids Course (OKC): อันนี้จะเป็นคลาสสอนสดตัวต่อตัวกับนักเรียน มีบทเรียนของเค้าให้พร้อมเลย เราแค่เตรียมตัวสอนตามนั้น
- Free Talk: อันนี้จะอิสระหน่อย คือคุยเล่นกับนักเรียน สอนตามที่นักเรียนอยากเรียน หรือผู้ปกครองรีเควสมา
- Reading Apps / Books: มีส่วนที่เราสามารถเข้าไปอ่านหนังสือภาษาอังกฤษให้เด็กๆ ฟัง แล้วก็ได้เงินด้วยนะ (อันนี้ผมไม่ได้ลองจริงจังเท่าไหร่)
หลักๆ ที่ผมสนใจและได้ลองทำจริงๆ คือส่วนที่เป็น Official Kids Course เพราะมันดูเป็นระบบระเบียบดี มีคนจองคิวเรียนชัดเจน
ขั้นตอนการสมัคร และเตรียมตัวเป็นครู (จำเป็น)
พอรู้แล้วว่ามันคืออะไร ผมก็ตัดสินใจลองสมัครเป็นครูดูซะเลย ขั้นตอนการสมัครก็ถือว่ามีหลายสเต็ปอยู่นะครับ ต้องเตรียมเอกสารนู่นนี่นั่น เช่น สำเนาบัตรประชาชน, ใบรับรองการสอน (ถ้ามี เช่น TEFL, TESOL มันจะช่วยให้โปรไฟล์น่าสนใจขึ้นเยอะ แต่ตอนนั้นผมไม่มี ฮ่าๆๆ ก็ยังสมัครได้นะ) แล้วก็ที่สำคัญเลยคือต้องอัดวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ โอ๊ยยย! ตอนอัดวิดีโอนี่บอกเลยว่าเขินกล้องสุดๆ พูดตะกุกตะกักอยู่หลายรอบกว่าจะผ่านไปได้
หลังจากส่งเอกสารและวิดีโอไปแล้ว ก็ต้องรอทาง Palfish เค้าอนุมัติ ช่วงรอนี่ใจเต้นตึ้กตั้กเหมือนกันนะ กลัวจะไม่ผ่าน แต่สุดท้ายก็ผ่านฉลุย! ดีใจมากครับ พอผ่านแล้วก็ต้องมาตั้งค่าโปรไฟล์ตัวเอง ใส่รูปสวยๆ (หรือหล่อๆ) เขียนแนะนำตัวเองให้น่าสนใจ เพื่อดึงดูดผู้ปกครองให้เค้ามาจองคลาสเรา
ประสบการณ์การสอนครั้งแรก และเรื่องราวระหว่างทาง
แรกๆ ที่เปิดโปรไฟล์ใหม่ๆ ก็เงียบกริบเลยครับ ไม่มีใครจองคิวมาเลย ใจแป้วเหมือนกันนะ แต่ก็พยายามโปรโมทตัวเองในกลุ่มครู Palfish บ้าง ทำคลิปสั้นๆ แนะนำตัวเองเพิ่มบ้าง ไม่นานก็เริ่มมีผู้ปกครองทักมาสอบถาม แล้วก็มีคนจองคลาสเรียนครั้งแรก! โห ตอนนั้นตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนอัดวิดีโอแนะนำตัวอีกครับ
เด็กคนแรกที่สอนเป็นเด็กผู้หญิงชาวจีน น่ารักมาก แต่ก็มีซนบ้างตามประสาเด็ก เราก็ต้องพยายามทำเสียงเล็กเสียงน้อย ใช้ตุ๊กตา ใช้ของเล่นมาหลอกล่อให้เค้าสนใจบทเรียน บทเรียนของ Palfish ส่วนใหญ่ก็จะเป็นภาพสีสันสดใส คำศัพท์ง่ายๆ เพลงสนุกๆ เหมาะกับเด็กเล็กๆ เลยครับ สอนไปก็สนุกดีนะ เหมือนได้เล่นกับเด็กไปด้วย
เรื่องเวลาก็เป็นอีกอย่างที่ต้องปรับตัวครับ เพราะเวลาของประเทศจีนจะเร็วกว่าไทย ชั่วโมงนึง ทำให้บางทีเราต้องตื่นมาสอนแต่เช้ามืด หรือไม่ก็สอนเอาซะดึกเลยก็มี แต่ทำไปซักพักก็เริ่มชินครับ ส่วนเรื่องรายได้ ก็ถือว่าโอเคเลยนะ สำหรับผมมันเป็นรายได้เสริมที่ดีเลยแหละ แต่ก็ต้องขยันเปิดสล็อตสอนเยอะๆ หน่อย
สรุปแล้ว Palfish คืออะไรในมุมมองของผม
ถ้าให้สรุปจากประสบการณ์ตรงของผม palfish คือ แพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้คนที่มีความสามารถทางภาษาอังกฤษ (ไม่จำเป็นต้องเก่งระดับเทพนะ แค่สื่อสารได้คล่องก็โอเคแล้ว) เข้าไปสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ โดยเฉพาะเด็กจีน ผ่านระบบออนไลน์ของเค้า มันเป็นเหมือนตลาดกลางที่เชื่อมครูกับนักเรียนเข้าด้วยกัน
ถามว่ามันดีไหม? ผมว่ามันก็แล้วแต่คนนะ ถ้าคุณเป็นคนรักเด็ก ชอบสอน มีความอดทนสูง สามารถปรับตัวเรื่องเวลาได้ Palfish ก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจในการหารายได้เสริม หรือแม้แต่ทำเป็นงานหลักเลยก็ได้ถ้าขยันจริงๆ แต่ถ้าคุณไม่ถนัดสอนเด็ก หรือต้องการงานที่มีความมั่นคงแน่นอนมากๆ อันนี้อาจจะต้องลองพิจารณาดูอีกที
ส่วนตัวผมทำอยู่ประมาณเกือบปี ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ครับ ได้ฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองไปด้วย ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ ผ่านการพูดคุยกับผู้ปกครองและนักเรียน ได้เพื่อนใหม่เป็นคุณครูจากหลายๆ ชาติด้วยนะ แต่พอได้งานประจำที่ลงตัวกว่า ก็เลยต้องค่อยๆ เฟดตัวออกมา แต่ก็ยังคิดถึงบรรยากาศการสอนเด็กๆ อยู่เสมอเลย มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งเหนื่อย ทั้งสนุก ทั้งท้าทาย ปนๆ กันไปอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะครับ!
หวังว่าเรื่องราวของผมน่าจะพอทำให้หลายคนเห็นภาพรวมว่า Palfish คืออะไรมากขึ้นนะครับ ถ้าใครสนใจก็ลองไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมดูได้เลย ไม่เสียหายอะไรครับ!