สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงที่ได้ไปลองสมัครแล้วก็ลองสอนกับ Palfish Thailand ดูว่าเป็นยังไงบ้าง เผื่อใครกำลังสนใจอยู่ จะได้เห็นภาพรวมๆ จากคนที่เคยลองทำจริงๆ นะครับ
เรื่องของเรื่องคือผมก็ว่างๆ อยู่ช่วงนึง แล้วก็เห็นโฆษณาผ่านๆ ตาบ่อยๆ เกี่ยวกับการสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้เด็กๆ ก็เลยเอ๊ะ…น่าสนใจดีเหมือนกันนะ เพราะปกติก็ชอบเล่นกับเด็กอยู่แล้ว แล้วก็พอจะมีความรู้ภาษาอังกฤษอยู่บ้าง เลยตัดสินใจลองดูสักตั้งกับ Palfish Thailand นี่แหละครับ
เริ่มจากขั้นตอนการสมัครเลยนะ
การเตรียมตัว: ตอนแรกก็เข้าไปดูในเว็บไซต์ของเค้าก่อนเลยครับ ว่าต้องใช้อะไรบ้าง หลักๆ ที่จำได้ก็จะมี
- เอกสารส่วนตัวทั่วไป เช่น สำเนาบัตรประชาชน
- วุฒิการศึกษา หรือพวกใบรับรองเกี่ยวกับการสอน (ถ้ามีก็จะดีมาก)
- ที่สำคัญเลยคือ เค้าจะให้เราอัดคลิปวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ประมาณ 1-2 นาที ตอนอัดคลิปนี่ก็แอบเขินๆ นิดหน่อยนะ พูดคนเดียวหน้ากล้อง แต่ก็พยายามทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด
- แล้วก็ต้องมีบัญชี PayPal หรือบัญชีธนาคารสำหรับรับเงิน อันนี้ก็เตรียมไว้ให้พร้อม
กรอกใบสมัครออนไลน์: พอเตรียมเอกสารกับคลิปพร้อมแล้ว ก็ถึงขั้นตอนการกรอกใบสมัครในระบบของเค้าครับ ก็กรอกข้อมูลส่วนตัว ประสบการณ์ (ถ้ามี) แล้วก็อัปโหลดเอกสารกับคลิปที่เราเตรียมไว้ ส่วนนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก ทำตามขั้นตอนที่เค้าบอกไปเรื่อยๆ
รอการอนุมัติ: หลังจากส่งใบสมัครไปเรียบร้อย ก็ต้องรอครับ รอให้ทาง Palfish เค้าตรวจสอบแล้วก็อนุมัติ ของผมนี่รอประมาณอาทิตย์นึงได้มั้ง ก็มีอีเมลแจ้งกลับมาว่าผ่านการคัดเลือกเบื้องต้นแล้ว ดีใจสุดๆ!
พอผ่านแล้วทำอะไรต่อ?
การทดลองสอน (Demo): หลังจากผ่านรอบเอกสาร เค้าจะมีให้เรานัดวันเวลาสำหรับทดลองสอน หรือที่เรียกว่า Demo class ครับ อันนี้เหมือนเป็นการทดสอบการสอนจริงของเราเลยว่าเราสอนเป็นยังไง จัดการชั้นเรียนได้ไหม เด็กๆ จะสนุกกับเราหรือเปล่า เค้าก็จะมีบทเรียนตัวอย่างมาให้เราเตรียมตัวก่อน ตอนทำ Demo นี่ตื่นเต้นมาก แต่ก็พยายามเต็มที่ ทำให้เหมือนสอนเด็กจริงๆ
การตั้งค่าโปรไฟล์และเวลาสอน: พอผ่าน Demo แล้ว (เย้!) เราก็จะได้เข้าไปตั้งค่าโปรไฟล์ครูของเราในแอป Palfish ครับ ใส่รูปสวยๆ เขียนแนะนำตัวให้น่าสนใจ แล้วก็ที่สำคัญคือการเปิดตารางเวลาที่เราสะดวกสอน เราสามารถเลือกวันเวลาที่เราว่างได้เลย ค่อนข้างยืดหยุ่นดีครับ
ประสบการณ์การสอนจริงกับ Palfish Thailand
การหาเด็กนักเรียน: เอาจริงๆ นะ ช่วงแรกๆ นี่ยากเหมือนกันครับ เพราะเราเป็นครูใหม่ โปรไฟล์ยังไม่ค่อยมีรีวิว เด็กๆ หรือผู้ปกครองก็อาจจะยังไม่กล้าจอง ต้องอาศัยการโปรโมทตัวเองในแอปบ่อยๆ หรือบางทีทาง Palfish ก็อาจจะมีช่วยหาเด็กใหม่ๆ ให้บ้าง
ลักษณะการสอน: ส่วนใหญ่เด็กที่มาเรียนจะเป็นเด็กเล็กครับ อายุประมาณ 3-12 ปี บทเรียนก็จะมีมาให้ในระบบของ Palfish เลย เป็นสไลด์ภาพการ์ตูนสีสันสดใส มีเพลง มีเกมส์ให้เล่นประกอบการสอน เราแค่เตรียมตัวทำความเข้าใจบทเรียน แล้วก็สอนไปตามนั้น แต่ก็ต้องมีลูกเล่น มีพลังงานเยอะๆ หน่อยนะครับ เพราะสอนเด็กเล็กนี่ต้องดึงความสนใจเค้าให้อยู่กับเราตลอดคลาสประมาณ 25 นาที
ความท้าทาย: ก็มีบ้างครับ บางทีเจอเด็กที่งอแง ไม่อยากเรียน หรือบางทีสัญญาณอินเทอร์เน็ตฝั่งเราหรือฝั่งนักเรียนไม่ค่อยดี ก็ต้องพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากันไป แต่โดยรวมเด็กๆ ส่วนใหญ่น่ารักครับ ตั้งใจเรียนรู้ เห็นเค้าพูดตามเราได้ ออกเสียงถูก เราก็ภูมิใจ
เรื่องรายได้: รายได้ก็จะคิดเป็นรายคลาสครับ สอนจบคลาสก็ได้เงินตามเรทที่เราตั้งไว้ (หรือตามที่ Palfish กำหนดสำหรับครูใหม่) แล้วเค้าก็จะโอนเงินให้เราผ่าน PayPal หรือบัญชีธนาคารที่เราให้ไว้ ก็ถือว่าโอเคเลยครับ เป็นรายได้เสริมที่ดี
สรุปส่งท้ายจากการลองจริง
โดยรวมแล้ว จากที่ผมได้ลองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Palfish Thailand ผมว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ทำให้ได้ฝึกใช้ภาษาอังกฤษ ได้ฝึกทักษะการสอน แล้วก็ได้เจอน้องๆ น่ารักๆ เยอะแยะเลย เหมาะสำหรับคนที่รักเด็ก ชอบสอน แล้วก็อยากหารายได้เสริมแบบที่ไม่ต้องเดินทางไปไหน ทำงานจากที่บ้านได้เลย สะดวกมากๆ
ข้อดีที่เห็นชัดๆ เลยคือเรื่องความยืดหยุ่นของเวลา เราจัดการเองได้เลยว่าจะสอนวันไหน กี่โมง แต่ข้อที่ต้องจำไว้คือช่วงแรกๆ อาจจะต้องใช้ความพยายามในการสร้างโปรไฟล์ให้น่าเชื่อถือหน่อย เพื่อให้มีนักเรียนเข้ามาจองคลาสของเราเยอะๆ ครับ แล้วก็ต้องมีพลังงานในการสอนเด็กๆ พอสมควรเลยล่ะ!
ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการรีวิว Palfish Thailand จากประสบการณ์ตรงของผม หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่กำลังมองหาโอกาสในการสอนออนไลน์อยู่นะครับ ลองดูครับ ไม่เสียหายอะไร ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วย!