สวัสดีครับทุกคน วันนี้ icebank จะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับการลองเป็นครูสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ผ่านแอปที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อมาบ้าง นั่นก็คือ Palfish นั่นเองครับผม หลังจากที่ได้ลองงมๆ สอนๆ อยู่พักใหญ่ ก็อยากจะมาเล่าสู่กันฟังว่ามันเป็นยังไงบ้าง เผื่อใครสนใจจะได้เห็นภาพมากขึ้นครับ
จุดเริ่มต้นการเดินทางกับ Palfish และขั้นตอนการสมัคร
เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมก็ว่างๆ อะนะ นั่งไถมือถือไปเรื่อยเปื่อยตามประสาคนอยากหาอะไรทำแก้เบื่อ ก็ไปเจอคนพูดถึงแอปสอนภาษาอังกฤษออนไลน์นี่แหละ เออ มันก็น่าสนใจดีแฮะ ปกติก็ชอบสอน ชอบคุยกับเด็กๆ อยู่แล้ว เลยลองไปเสิร์ชหาข้อมูลดู ก็เจอเจ้า Palfish นี่แหละที่ดูเหมือนจะเข้าท่าสุด
ขั้นตอนแรกเลยก็คือไปดาวน์โหลดแอปมาก่อนเลยครับ ชื่อเต็มๆ ก็ Palfish Teacher หน้าตาแอปก็ดูใช้ง่ายดี จากนั้นก็เริ่มกรอกข้อมูลส่วนตัวเลยครับ โอ้โห เยอะเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ทั้งข้อมูลทั่วไป ประสบการณ์สอน (ถ้ามี) แล้วก็ที่สำคัญเลยคือต้องมีพวกใบเซอร์ฯ อย่าง TEFL หรือ TESOL อะไรพวกนี้ด้วย ตอนนั้นผมยังไม่มีหรอกครับ ก็ต้องรีบแจ้นไปหาคอร์สออนไลน์เรียนแบบเร่งรัดเลยทีเดียว พอได้ใบเซอร์มาแล้วก็เอาไปอัปโหลด
ยังไม่หมดแค่นั้นนะ มันต้องมีอัดคลิปแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษด้วย ประมาณ 30 วินาทีถึง 1 นาทีมั้งถ้าจำไม่ผิด ก็พยายามพูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด โชว์สกิลการพูดของเราไป เสร็จแล้วก็ส่งใบสมัครทั้งหมดไป แล้วก็นั่งรอครับผ้มมมม ลุ้นใจตุ้มๆ ต่อมๆ เลยว่าจะผ่านไหมวะเนี่ย
หลังจากรออยู่ประมาณอาทิตย์นึงเห็นจะได้ ก็มีแจ้งเตือนเด้งมาว่า “ผ่านแล้วจ้า!” ดีใจแทบแย่

เตรียมตัวก่อนสอนจริง และประสบการณ์การสอนบน Palfish
พอผ่านการคัดเลือกแล้วเนี่ย ทาง Palfish เขาก็จะมีเหมือนคอร์สฝึกอบรมสั้นๆ ให้เราครับ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการดูวิดีโอแนะนำการใช้แพลตฟอร์ม กฎระเบียบต่างๆ แล้วก็มีทำควิซทดสอบความเข้าใจนิดหน่อย ไม่ได้ยากเย็นอะไรมาก พอผ่านตรงนี้ปุ๊บก็ถือว่าพร้อมเปิดรับนักเรียนแล้ว
อ้อ! สิ่งที่ต้องเตรียมเองเลยก็คืออุปกรณ์การสอนครับ หลักๆ ก็มีมือถือหรือแท็บเล็ตก็ได้ที่กล้องหน้าชัดๆ หน่อย แล้วก็อินเทอร์เน็ตที่ต้องแรงและเสถียรพอสมควรเลยนะ เพราะถ้าเน็ตหลุดระหว่างสอนนี่เรื่องใหญ่เลยครับ อาจจะโดนคอมเพลนได้
เอาล่ะ มาถึงประสบการณ์การสอนจริงๆ บ้าง ช่วงแรกๆ ก็จะงงๆ หน่อยครับว่าจะเปิดสล็อตสอนยังไงดี เด็กจะมาจองเยอะไหมนะ แต่พอเริ่มจับทางได้ก็โอเคขึ้น
ข้อดีที่ผมเจอมากับตัวเลยก็คือ:
- เวลาค่อนข้างยืดหยุ่นครับ อยากสอนตอนไหนก็เข้าไปเปิดสล็อตเวลาว่างของเราได้เลย แต่ส่วนใหญ่เด็กนักเรียน (ซึ่งส่วนมากเป็นเด็กจีน) เขาจะเรียนกันช่วงเย็นๆ ถึงดึกๆ ตามเวลาบ้านเรานะ ใครเป็นสายนอนดึกนี่สบายเลย
- ได้เจอเด็กๆ น่ารักเยอะแยะเลยครับ แต่ละคนก็มีคาแรคเตอร์ต่างกันไป บางคนก็ตั้งใจเรียนมาก บางคนก็ซนเป็นลิงเลย ฮ่าๆ แต่โดยรวมแล้วมันก็สนุกดีนะ เหมือนได้เล่นกับเด็กไปด้วย สอนไปด้วย
- รายได้ก็ถือว่าโอเคในระดับนึงครับ เขาจะจ่ายเป็นดอลลาร์สหรัฐฯ โอนเข้าบัญชีที่เราผูกไว้ ถึงมันจะไม่ได้มากมายจนรวยล้นฟ้า แต่มันก็เป็นรายได้เสริมที่ดีเลยแหละ สำหรับคนที่อยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
แต่แน่นอนว่ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียบ้าง อันนี้ก็เจอมาเหมือนกัน:
- การแข่งขันค่อนข้างสูงปรี๊ด! คือครูในระบบมันเยอะมากครับ บางทีเปิดสล็อตไปก็ว่าง ไม่มีคนจองก็มี ต้องพยายามสร้างโปรไฟล์ตัวเองให้น่าสนใจ มีรีวิวดีๆ ก็จะช่วยได้
- เรทค่าสอนมันก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ทั้งโปรไฟล์ของเรา ประสบการณ์ หรือประเภทคลาสที่เราสอน ถ้าเป็นครูใหม่ๆ ก็อาจจะยังได้เรทไม่สูงมากนัก ต้องค่อยๆ สะสมชั่วโมงสอนไป
- บางทีระบบมันก็มีเอ๋อๆ บ้างครับ แอปค้างบ้าง เสียงดีเลย์บ้างไรบ้าง อันนี้ก็ต้องทำใจนิดนึง เจอบ่อยๆ ก็แอบหัวร้อนเหมือนกัน
- เด็กบางคนก็…นะ เข้าใจว่าเด็กอะเนอะ บางทีก็ไม่ให้ความร่วมมือเลยก็มี เราก็ต้องใช้พลังงานเยอะมากในการดึงความสนใจเขา กว่าจะสอนจบแต่ละคลาสนี่หมดแรงเหมือนกัน
แล้วทำไมผมถึงมาลองทำ Palfish ล่ะ? เรื่องมันมีอยู่ว่า…
จริงๆ ที่ผมตัดสินใจมาลองสมัคร Palfish เนี่ย มันก็มีสตอรี่ของมันอยู่นะครับ ไม่ใช่แค่อยากหารายได้เสริมเล่นๆ คือช่วงนั้นชีวิตผมมันพลิกผันนิดหน่อยครับ ผมดันตกงานกระทันหันแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลยครับคุณผู้ชม! บริษัทที่ทำอยู่เขาปรับโครงสร้าง ลดคน ผมก็เป็นหนึ่งในผู้โชคดี (ประชดนะ ฮ่าๆ) เคว้งเลยครับตอนนั้น เงินเก็บก็มีอยู่ก้อนนึง แต่มันก็ร่อยหรอลงทุกวันๆ
แล้วเคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังไงไม่รู้ ภรรยาผมก็เพิ่งจะคลอดลูกคนแรก โอ้โห ค่าใช้จ่ายนี่มาเต็มเลยครับ ทั้งค่านม ค่าแพมเพิส ค่าหมอ สารพัดจะจ่าย มองหน้าลูกตัวเล็กๆ แล้วแบบ…กูจะทำยังไงดีวะเนี่ย ความเครียดมันถาโถมเข้ามาเลยครับ
ผมก็พยายามหางานประจำใหม่นะ ส่งใบสมัครไปไม่รู้กี่ที่ต่อกี่ที่ แต่ด้วยสถานการณ์เศรษฐกิจตอนนั้นมันก็เงียบกริบ ท้อใจสุดๆ เลยครับ ก็เลยเริ่มมองหาช่องทางทำมาหากินอย่างอื่นที่มันพอจะทำจากที่บ้านได้ แล้วก็ได้เงินเร็วหน่อย จนมาเจอกับ Palfish นี่แหละครับ
ตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากเลยนะ คิดว่าทำขำๆ ไปก่อน อย่างน้อยก็มีอะไรทำไม่ให้ฟุ้งซ่าน แต่พอได้เงินก้อนแรกโอนเข้ามาจริงๆ เนี่ย เออว่ะ! มันก็พอจะช่วยค่ากับข้าว ค่านมลูกได้บ้างนะ ถึงจะไม่เยอะเท่าเงินเดือนเก่า แต่มันก็เหมือนเป็นแสงสว่างเล็กๆ ที่ปลายอุโมงค์เลยครับ มันช่วยต่อลมหายใจให้ครอบครัวผมได้จริงๆ ในช่วงที่คับขันแบบนั้น
ถามว่า Palfish ทำให้ผมรวยไหม? บอกตรงนี้เลยว่า “ไม่!” ครับ ฮ่าๆ แต่มันเป็นเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ช่วยให้ผมกับครอบครัวประคองตัวผ่านมาได้ในช่วงวิกฤตินั้นจริงๆ ต้องขอบคุณมันเลยแหละ
สรุปแล้ว Palfish มันเวิร์คไหม? น่าลองหรือเปล่า?
จากประสบการณ์ตรงที่ผมได้ลองมาทั้งหมดเนี่ย Palfish มันก็มีทั้งข้อดีข้อเสียอย่างที่เล่าไปนั่นแหละครับ ถามว่าแนะนำไหม? ผมว่ามันเหมาะกับคนที่มีคุณสมบัติตามนี้:
- มีเวลาว่าง โดยเฉพาะช่วงเย็นๆ ถึงดึกๆ
- มีทักษะภาษาอังกฤษในระดับที่สื่อสารได้ดี และมั่นใจในการสอน
- ชอบสอนเด็ก หรือชอบคุยเล่นกับเด็ก เพราะนักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็ก
- ไม่ได้ซีเรียสว่ารายได้จะต้องเป๊ะๆ ทุกเดือน เพราะมันขึ้นอยู่กับจำนวนคลาสที่เราได้สอน
- อยากหารายได้เสริม หรืออยากใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
ถ้าคุณเข้าข่ายตามนี้ การลองสมัคร Palfish ก็ไม่เสียหายอะไรครับ ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ แถมยังได้ฝึกภาษาตัวเองไปด้วยในตัว
แต่ถ้าใครกำลังมองหาอาชีพหลักที่มั่นคง มีรายได้แน่นอนทุกเดือน ผมว่า Palfish อาจจะยังไม่ใช่คำตอบที่ใช่ที่สุด เพราะความไม่แน่นอนมันค่อนข้างสูง ทั้งเรื่องจำนวนนักเรียน และปัจจัยอื่นๆ ที่เราควบคุมไม่ได้
สำหรับตัวผมเอง ทุกวันนี้ก็ยังทำๆ หยุดๆ อยู่ครับ ถ้าช่วงไหนมีเวลาว่างจริงๆ หรือรู้สึกว่าอยากได้เงินพิเศษนิดหน่อย ก็จะเข้าไปเปิดสล็อตสอนบ้าง ถือว่าเป็นการปัดฝุ่นภาษาอังกฤษไปในตัวด้วย ได้คุยกับเด็กๆ ก็เพลินดีครับ
ก็ประมาณนี้แหละครับ รีวิว Palfish ฉบับบ้านๆ จากประสบการณ์จริงของ icebank หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจอยู่นะครับ ถ้าใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติมก็ลองคอมเมนต์ทิ้งไว้ได้เลย ถ้าผมพอจะตอบได้ก็จะมาช่วยตอบให้ครับผม!