รวมข้อมูล ราคา palfish ทั้งหมด พร้อมส่วนลดพิเศษที่น่าสนใจรอคุณอยู่

สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมเลยกับเรื่อง ราคา Palfish ที่หลายคนอาจจะกำลังสงสัยหรืออยากรู้ว่าเป็นยังไง ทำจริงได้เท่าไหร่ คุ้มเหนื่อยไหม

เรื่องมันเริ่มจากช่วงนึงที่ผมรู้สึกว่าอยากหารายได้เสริม เบื่องานประจำนิดหน่อย บวกกับเห็นเพื่อนๆ หลายคนผันตัวไปเป็นครูสอนออนไลน์กันเยอะแยะ ไอ้เราก็ภาษาอังกฤษพอถูไถได้บ้าง เลยลองศึกษาดูว่ามีแพลตฟอร์มไหนน่าสนใจบ้าง แล้วก็ไปเจอเจ้า Palfish นี่แหละครับ เห็นรีวิวเยอะพอสมควร ทั้งดีทั้งบ่นปนๆ กันไป แต่เอาน่า ไม่ลองไม่รู้ เลยตัดสินใจลุยดู

เริ่มสมัคร Palfish และขั้นตอนที่ต้องเจอ

ตอนแรกก็โหลดแอปมาเลยครับ ขั้นตอนการสมัครก็ไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนมาก กรอกข้อมูลส่วนตัว อัดวิดีโอแนะนำตัวเองสั้นๆ แล้วก็มีให้ทำแบบทดสอบนิดหน่อย ที่สำคัญคือถ้าใครมีใบรับรองการสอนภาษาอังกฤษอย่าง TEFL, TESOL อะไรพวกนี้ ก็จะช่วยให้โปรไฟล์เราน่าสนใจขึ้นเยอะ ผมเองตอนนั้นยังไม่มี ก็อาศัยลูกมั่วกับความมั่นใจ (ฮา) แต่ถ้าจะเอาจริงเอาจัง ผมว่ามีไว้อุ่นใจกว่าเยอะครับ

หลังจากส่งใบสมัครไป ก็รออนุมัติ จำได้ว่ารอไม่นานมากนะ ประมาณวันสองวันก็มีอีเมลแจ้งกลับมาว่าผ่านแล้ว ดีใจสิครับ! ทีนี้ก็ถึงขั้นตอนการเตรียมตัวจริงๆ จังๆ แล้ว

มาถึงเรื่องสำคัญ: ราคา Palfish เป็นยังไง?

เอาล่ะ เข้าเรื่องหลักเลย ราคา Palfish เนี่ย มันมีหลายปัจจัยมากๆ ครับ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้เรทเท่ากันเป๊ะๆ มันขึ้นอยู่กับประเภทคลาสที่เราสอนด้วย

หลักๆ ที่ผมเจอจะมีสองแบบใหญ่ๆ คือ:

1. Official Kids Course (OKC): อันนี้จะเป็นคลาสสำหรับเด็กๆ ที่มีหลักสูตรมาให้เรียบร้อย เราแค่สอนตามสไลด์ที่เขามีให้ เรทเริ่มต้นของ OKC เนี่ย ตอนผมทำแรกๆ ก็ไม่ได้สูงลิ่วอะไรมากครับ อาจจะอยู่ที่ประมาณ 80-100 หยวนต่อคลาส (ประมาณ 25 นาที) ซึ่งพอหักค่าธรรมเนียมของแอปแล้ว ก็จะเหลือน้อยลงไปอีกนิดหน่อย แต่ข้อดีคือไม่ต้องเตรียมเนื้อหาเองเยอะ แค่เตรียมตัวให้พร้อมสอนก็พอ

ปัจจัยที่ทำให้เรท OKC เพิ่มขึ้นได้คืออะไร?

• จำนวนชั่วโมงสอน: ยิ่งสอนเยอะ สะสมชั่วโมงบินเยอะ เรทก็มีโอกาสปรับขึ้น
• คะแนนรีวิวจากผู้ปกครอง: อันนี้สำคัญมาก ถ้าผู้ปกครองให้คะแนนดีๆ คอมเมนต์ชมเยอะๆ โปรไฟล์เราจะดีดขึ้นมาเลย
• ระดับเลเวลของครูในระบบ: Palfish จะมีระบบเลเวล ยิ่งเลเวลสูง เรทก็สูงตามไปด้วย

จำได้ว่าช่วงแรกๆ ที่เรทผมน้อยๆ เนี่ย ก็ต้องขยันเปิดสล็อตสอนเยอะๆ ครับ เปิดมันตั้งแต่เช้ามืดยันดึกดื่น บางวันได้สอนติดๆ กันหลายคลาสก็แฮปปี้ไป บางวันเงียบกริบก็นั่งตบยุงไป (ฮา)

2. Free Talk / Freetrial: อันนี้จะอิสระกว่า เรากำหนดเรทค่าสอนต่อนาทีได้เองเลย อยากได้นาทีละกี่หยวนก็ตั้งไป แต่… การแข่งขันสูงมากครับ ถ้าเราเป็นครูใหม่ๆ โปรไฟล์ยังไม่ปัง ตั้งราคาสูงไปก็ไม่มีใครมาเรียน ตั้งต่ำไปก็ไม่คุ้มเหนื่อยอีก แถมส่วนใหญ่จะเป็นคลาสสั้นๆ ไม่กี่นาที หรือเป็นคลาสทดลองเรียนฟรีเพื่อดึงดูดนักเรียนให้มาลง OKC ต่อ

ผมเองก็ลองเปิด Free Talk ดูบ้างเหมือนกันครับ แต่ไม่ค่อยรุ่งเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่าต้องคอยกระตุ้นให้นักเรียนสนใจตลอดเวลา แล้วก็ต้องหาหัวข้อคุยเอง ซึ่งบางทีก็ตันเหมือนกัน เลยเน้นไปที่ OKC มากกว่า เพราะมีหลักสูตรให้ สบายกว่าเยอะ

แล้วสรุปว่า ราคา Palfish คุ้มไหม?

ถ้าถามผมตรงๆ ว่า ราคา Palfish มันคุ้มค่าเหนื่อยไหม ผมตอบแบบนี้ครับ…

มันขึ้นอยู่กับเป้าหมายและความขยันของแต่ละคนเลย

ถ้าคุณเป็นคนที่มีเวลา มีความอดทนในการสร้างโปรไฟล์ สะสมชั่วโมงสอน พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และที่สำคัญคือ “ดวง” ในการได้นักเรียนประจำดีๆ ผมว่า Palfish ก็เป็นช่องทางหาเงินหยวนที่โอเคเลยนะ บางคนทำเป็นอาชีพหลักได้เงินเดือนหลายหมื่นบาทก็มี (แต่พวกนั้นคือเทพจริงครับ ต้องยอมรับ)

แต่ถ้าคุณคิดจะทำเป็นงานเสริมเล่นๆ ชิลๆ ไม่ได้ทุ่มเทมากนัก รายได้ก็อาจจะไม่ได้หวือหวาอย่างที่คิดครับ เพราะมันต้องใช้เวลาและความพยายามพอสมควรเลย กว่าจะไต่เต้าไปถึงเรทที่น่าพอใจได้

สิ่งที่ต้องเจอแน่ๆ คือ:

• ความไม่แน่นอนของรายได้: เดือนไหนขยัน เดือนไหนนักเรียนเยอะ ก็ได้เยอะ เดือนไหนเงียบๆ ก็ได้น้อย ไม่เหมือนเงินเดือนประจำ
• การแข่งขัน: ครูในระบบเยอะมาก เราต้องทำยังไงให้โปรไฟล์เราเด่นเด้งออกมา
• การปรับตัว: ต้องเรียนรู้ระบบของแอป เทคนิคการสอนออนไลน์ การรับมือกับเด็กๆ (ซึ่งบางทีก็ซนสุดๆ)
• ค่าธรรมเนียม: อย่าลืมว่ารายได้ที่เห็น ยังไม่ได้หักค่าธรรมเนียมของแอปนะครับ ต้องคำนวณดีๆ

สำหรับผมเอง หลังจากลองทำ Palfish อยู่พักใหญ่ๆ ก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ได้ฝึกภาษา ได้เรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ๆ แล้วก็ได้เงินมาหมุนใช้บ้าง แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ยึดเป็นอาชีพหลัก เพราะรู้สึกว่ามันยังไม่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผมเท่าไหร่ที่ต้องการความมั่นคงมากกว่านี้ แต่ก็ไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะครับ แค่มันอาจจะไม่ใช่สำหรับทุกคน

ใครที่กำลังสนใจอยากลอง ผมแนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลให้เยอะๆ ครับ ลองดูรีวิวจากหลายๆ ที่ ชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสีย แล้วก็ถามตัวเองว่าพร้อมจะลุยกับมันแค่ไหน ถ้าพร้อมก็จัดเลยครับ ไม่เสียหาย อย่างน้อยก็ได้ประสบการณ์ใหม่ๆ ติดตัวแน่นอน!