สวัสดีครับทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ กับการลองผิดลองถูกในการเรียนภาษาอังกฤษกับแอปที่ชื่อว่า Palfish นะครับ คือต้องบอกก่อนว่าผมเองก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรภาษาอังกฤษเลย เรียกว่างูๆ ปลาๆ มาตลอดชีวิต อยากจะพูดได้คล่องๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่ก็ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ไปลงคอร์สเรียนตามสถาบันก็เคยลองแล้ว แต่รู้สึกว่ามันยังไม่ค่อยตอบโจทย์เท่าไหร่ เพราะเราไม่ค่อยได้พูดจริงจัง ส่วนใหญ่เน้นแกรมม่า อ่าน เขียน ซึ่งผมอยากเน้นพูดคุยสื่อสารมากกว่า
จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมก็ไถๆ มือถือไปเรื่อยเปื่อย แล้วก็ไปเจอโฆษณาของ Palfish นี่แหละครับ แวบแรกที่เห็นก็เอ๊ะ มันคืออะไรหว่า พอลองกดเข้าไปดูรายละเอียดคร่าวๆ ก็เห็นว่ามันเป็นแพลตฟอร์มที่ให้เราเรียนภาษาอังกฤษตัวต่อตัวกับครูต่างชาติได้เลยผ่านวิดีโอคอลล์ ฟังดูน่าสนใจดีแฮะ เพราะคิดว่าถ้าได้คุยกับเจ้าของภาษาโดยตรงน่าจะช่วยให้เรากล้าพูดมากขึ้นเยอะ ผมก็เลยตัดสินใจ เอาวะ! ลองดูซักตั้งจะเป็นไรไป
ขั้นตอนแรกเลยก็คือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Palfish มาติดตั้งในมือถือ การสมัครสมาชิกก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรครับ กรอกข้อมูลส่วนตัวนิดหน่อย ตั้งรหัสผ่าน แป๊บเดียวก็เรียบร้อย พอล็อกอินเข้าไปในแอปครั้งแรก โอ้โห! ยอมรับเลยว่าแอบตาลายเหมือนกัน มันมีอะไรให้เลือกเยอะแยะไปหมด ทั้งครูผู้สอนที่มีโปรไฟล์ให้เลือกดูเพียบ มีทั้งแบบเจ้าของภาษาแท้ๆ (Native Speaker) และครูฟิลิปปินส์ แล้วก็มีคอร์สเรียนสำเร็จรูปหลากหลายระดับให้เลือกอีก ผมก็งงๆ มึนๆ อยู่พักใหญ่เลยครับว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
ผมก็เลยเริ่มจากการลองผิดลองถูกครับ เข้าไปส่องโปรไฟล์ครูทีละคน ดูวิดีโอแนะนำตัวของเขา ดูรีวิวจากนักเรียนคนอื่นๆ ที่เคยเรียนด้วย แล้วก็ลองเลือกครูที่ดูแล้วน่าจะเข้ากับสไตล์การเรียนของเราได้ ผมจำได้ว่าช่วงแรกๆ ผมยังไม่กล้าซื้อแพ็กเกจคลาสใหญ่ๆ ก็เลยลองซื้อเป็นคลาสทดลองเรียนสั้นๆ ดูก่อน หรือบางทีก็ลองใช้ฟีเจอร์ที่ให้คุยฟรีกับครูบางคนที่เขากำหนดไว้ เพื่อดูว่าบรรยากาศการเรียนเป็นยังไง ครูสอนเข้าใจไหม เรากล้าพูดกับเขาหรือเปล่า
ประสบการณ์การเรียนครั้งแรกๆ ก็มีทั้งดีบ้าง ตื่นเต้นบ้างครับ ครูบางคนก็เป็นกันเองมาก ชวนคุยเก่ง ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย กล้าที่จะพูดผิดๆ ถูกๆ ออกไป เขาก็จะคอยช่วยแก้ไขคำศัพท์ หรือรูปประโยคให้ แต่ก็มีบ้างที่เจอครูที่อาจจะยังไม่คลิกกับเราเท่าไหร่ หรือสไตล์การสอนอาจจะไม่ใช่แบบที่เราชอบ อันนี้ผมว่ามันเป็นเรื่องปกตินะครับ เหมือนเราเลือกซื้อของนั่นแหละ ก็ต้องลองเลือกจนกว่าจะเจออันที่ถูกใจ
สิ่งที่ผมเน้นมากๆ ในการเรียนกับ Palfish ก็คือการฝึกพูดครับ ผมจะพยายามบอกครูเลยว่าเป้าหมายหลักของผมคืออยากจะพูดให้คล่องขึ้น อยากจะสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นในคลาสเรียนส่วนใหญ่ ครูเขาก็จะเน้นให้ผมพูดเยอะๆ ชวนคุยในหัวข้อต่างๆ ที่ผมสนใจ หรือบางทีก็จะมีบทเรียนสั้นๆ มาให้อ่านแล้วก็มาอภิปรายกัน ผมพยายามใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่าที่สุด ผิดถูกไม่เป็นไร ขอให้ได้พูดออกไปก่อน ครูเขาจะคอยช่วยเอง แรกๆ ก็มีอายบ้าง เขินบ้าง พูดตะกุกตะกัก แต่พอเรียนไปเรื่อยๆ มันก็เริ่มชิน เริ่มกล้ามากขึ้นครับ
แน่นอนว่าระหว่างทางมันก็มีอุปสรรคอยู่บ้างครับ บางทีสัญญาณอินเทอร์เน็ตฝั่งเราหรือฝั่งครูไม่ค่อยดี ทำให้ภาพกระตุก เสียงขาดๆ หายๆ ก็มีหงุดหงิดบ้าง หรือบางทีจองคลาสครูคนโปรดไว้แล้ว แต่ครูดันยกเลิกกะทันหัน อันนี้ก็เซ็งไปตามระเบียบครับ อีกอย่างคือครูที่สอนดีๆ เก่งๆ คิวเขาก็จะแน่นมาก การจองคลาสก็อาจจะต้องวางแผนล่วงหน้านานหน่อย หรือบางทีก็ต้องแย่งชิงกับคนอื่น 555 แต่โดยรวมแล้วผมว่าปัญหามันก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไร พอจะแก้ไขหรือปรับตัวกันไปได้
ถามว่าเรียนมาพักใหญ่ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง? ผมกล้าพูดเลยว่ารู้สึกดีขึ้นเยอะครับ จากที่เมื่อก่อนเวลาจะพูดภาษาอังกฤษแต่ละทีต้องคิดแล้วคิดอีก เรียบเรียงคำในหัวเป็นนานสองนาน ตอนนี้มันเหมือนเป็นธรรมชาติมากขึ้น กล้าที่จะโต้ตอบได้ทันทีมากขึ้น อาจจะยังไม่ได้เป๊ะแกรมม่าทุกคำ แต่ความมั่นใจในการพูดมันเพิ่มขึ้นจริงๆ ครับ เวลาดูหนังฝรั่ง หรือฟังเพลงสากล ก็รู้สึกว่าเข้าใจมากขึ้น จากที่เมื่อก่อนฟังเป็นแค่ทำนอง ตอนนี้เริ่มจับใจความได้บ้างแล้ว มันเหมือนเป็นการปลดล็อกอะไรบางอย่างในตัวเองเลยครับ
โดยสรุปแล้ว สำหรับประสบการณ์ส่วนตัวของผมกับ Palfish นะครับ ผมมองว่ามันเป็นเครื่องมือที่ดีตัวหนึ่งเลยสำหรับคนที่อยากจะฝึกภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะทักษะการพูด เพราะมันทำให้เราได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของภาษาจริงๆ ได้ฝึกใช้ในสถานการณ์จริง แต่ก็ต้องบอกว่ามันไม่ใช่ยาวิเศษนะครับ ไม่ใช่ว่าจ่ายเงินแล้วจะเก่งขึ้นมาทันทีทันใด มันต้องอาศัยความสม่ำเสมอ ความตั้งใจ และความพยายามของเราเองด้วย ที่สำคัญคือต้องกล้าที่จะพูด กล้าที่จะทำผิดพลาด แล้วเรียนรู้จากมัน Palfish เป็นแค่ตัวช่วยที่ทำให้เรามีเวทีในการฝึกฝนเท่านั้นเองครับ ถ้าใครกำลังมองหาตัวช่วยในการฝึกพูดภาษาอังกฤษ ผมว่า Palfish ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าลองพิจารณาดูครับ อย่างน้อยๆ ก็ลองโหลดมาเล่นๆ ดูก่อนก็ได้ ไม่เสียหายอะไรครับ