สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับการลองใช้งานแอปที่ชื่อว่า Palfish ดูครับ เรื่องของเรื่องคือช่วงนั้นผมว่างๆ และก็อยากจะหารายได้เสริมเล็กๆ น้อยๆ บวกกับเห็นเพื่อนบางคนในโซเชียลเค้าพูดถึงกันว่ามันเป็นช่องทางสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ได้ ผมก็เลยเอ๊ะ! น่าสนใจดีแฮะ
จุดเริ่มต้นการลองผิดลองถูก
ตอนแรกเลยนะครับ ผมก็เริ่มจากการไปค้นหาข้อมูลก่อนเลยว่า Palfish เนี่ยมันคืออะไรกันแน่ สรุปง่ายๆ ก็คือเป็นแพลตฟอร์มให้เราไปเป็นครูสอนภาษาอังกฤษให้กับเด็กๆ ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กจีนครับ พอรู้คอนเซ็ปต์คร่าวๆ แล้ว ผมก็ตัดสินใจว่า “เอาวะ ลองดูซักตั้ง!”
ขั้นตอนต่อไปก็คือการสมัครครับ ผมก็โหลดแอป Palfish มาเลย หน้าตาแอปก็ดูใช้งานง่ายดีนะ แต่ขั้นตอนการสมัครนี่สิครับ โอ้โห เอกสารเยอะอยู่เหมือนกัน ต้องเตรียมทั้งรูปถ่ายหน้าตรง รูปถ่ายตอนยิ้ม วุฒิการศึกษา (ถ้ามี) แล้วก็ที่สำคัญเลยคือต้องอัดคลิปวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ประมาณ 1-2 นาที ตอนอัดคลิปนี่ก็เขินๆ หน่อยครับ พูดไปก็ติดๆ ขัดๆ บ้าง แต่ก็พยายามทำให้ดีที่สุด
ช่วงรอผลและการเตรียมตัว
หลังจากส่งเอกสารและคลิปไปเรียบร้อย ก็เข้าสู่ช่วงรอผลการอนุมัติครับ ตอนนั้นก็ลุ้นๆ อยู่เหมือนกันว่าจะผ่านไหม เพราะเห็นว่าเค้าก็มีเกณฑ์คัดเลือกของเค้าอยู่ ระหว่างรอนี่ผมก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ นะครับ ผมก็ไปลองดูคลิปของครูคนอื่นๆ ใน Palfish ว่าเค้าสอนกันยังไง มีเทคนิคอะไรบ้าง แล้วก็ลองฝึกพูดภาษาอังกฤษกับตัวเองหน้ากระจกไปพลางๆ
ไม่นานเกินรอครับ ประมาณอาทิตย์นึงมั้ง ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาในแอปว่า “ยินดีด้วย คุณผ่านการอนุมัติแล้ว!” ตอนนั้นคือดีใจมากครับ รู้สึกว่าความพยายามของเรามันไม่สูญเปล่า
พอผ่านแล้วยังสอนเลยไม่ได้นะครับ มันต้องมีการตั้งค่าโปรไฟล์ของเราให้เรียบร้อยก่อน ใส่ข้อมูลส่วนตัว เวลาที่เราสะดวกสอน แล้วก็ต้องทำความเข้าใจกับระบบการสอนของเค้าด้วย ซึ่งเค้าก็จะมีบทเรียนสำเร็จรูปมาให้เราอยู่แล้ว เราแค่เตรียมตัวทำความเข้าใจเนื้อหาและวิธีการสอนให้สนุกก็พอ
ประสบการณ์การสอนจริงครั้งแรกๆ
จำได้เลยว่าคลาสแรกที่ได้สอนนี่ตื่นเต้นสุดๆ ครับ เด็กนักเรียนคนแรกของผมเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักมาก แต่ก็มีซนบ้างตามประสาเด็ก ผมก็พยายามใช้ลูกเล่น ใช้เสียงสูงเสียงต่ำ ทำท่าทางประกอบเพื่อให้เค้าสนุกและสนใจบทเรียน แรกๆ ก็มีเกร็งๆ บ้างครับ แต่พอสอนไปซักพักก็เริ่มผ่อนคลายมากขึ้น
- ความท้าทาย: บางทีก็เจอเด็กที่สมาธิสั้นมาก ต้องคอยเรียกความสนใจบ่อยๆ หรือบางคนก็ขี้อาย ไม่ค่อยกล้าพูด เราก็ต้องพยายามชวนคุย สร้างบรรยากาศให้เป็นกันเอง
- เรื่องน่ารักๆ: เวลาเห็นเด็กๆ เค้าพยายามออกเสียงตามเรา หรือตอบคำถามได้ถูกต้อง มันรู้สึกดีใจและภูมิใจเล็กๆ นะครับ บางคนก็มีวาดรูปให้ดูผ่านกล้องด้วย น่ารักดี
- ปัญหาทางเทคนิค: อันนี้ก็เจอประปรายครับ เช่น สัญญาณอินเทอร์เน็ตของเด็กไม่ค่อยดีบ้าง เสียงขาดๆ หายๆ บ้าง ก็ต้องแก้ปัญหากันไปตามสถานการณ์
ผมก็สอนอยู่ใน Palfish อยู่พักใหญ่ๆ เลยครับ สอนไปก็เรียนรู้ไป พัฒนาเทคนิคการสอนของตัวเองไปเรื่อยๆ ได้เจอเด็กๆ หลากหลายสไตล์มาก ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีเลยทีเดียว
สิ่งที่ได้เรียนรู้และบทสรุป
ถ้าถามว่าการลองเข้ามาในโลกของ Palfish ครั้งนี้มันให้อะไรผมบ้าง อย่างแรกเลยคือได้ฝึกภาษาอังกฤษของตัวเองไปในตัวครับ เพราะต้องใช้สื่อสารตลอดเวลา อย่างที่สองคือได้ประสบการณ์การสอนที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างที่สามคือได้รายได้เสริมเข้ามาบ้าง ถึงจะไม่มากมายอะไรแต่ก็ถือว่าเป็นกำลังใจที่ดีครับ
แต่ก็ต้องบอกตามตรงว่ามันก็มีข้อจำกัดเหมือนกันนะครับ เช่น เรื่องของเวลาที่เราต้องจัดสรรให้ดี เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการสอนเด็กๆ ในช่วงเย็นหรือวันหยุด แล้วก็ต้องมีพลังงานเยอะพอสมควรในการเล่นกับเด็กๆ ผ่านหน้าจอ
โดยรวมแล้ว ผมว่า Palfish ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากหารายได้เสริมและมีทักษะภาษาอังกฤษที่ดีในระดับหนึ่ง บวกกับชอบสอนเด็กๆ นะครับ มันอาจจะไม่ได้ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินความพยายามครับ นี่ก็เป็นประสบการณ์ตรงของผมที่อยากจะมาแชร์ให้ฟังกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจอยู่นะครับ!