สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของผมกับการทำงาน Palfish ว่ามันเป็นยังไง ดีจริงไหม หรือมีอะไรที่เราต้องรู้ก่อนกระโดดเข้าไปทำบ้าง จากที่ผมลองมากับตัวเองเลยนะ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมลอง Palfish
คือช่วงนั้นผมก็มองหางานเสริมอยู่แหละ อยากได้อะไรที่มันยืดหยุ่น ทำจากที่บ้านได้ แล้วก็พอดีไปเห็นเพื่อนในเฟซบุ๊กโพสต์ถึง Palfish ว่าสอนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้เด็กจีน เอ้อ ก็น่าสนใจดีนะ ผมเองก็พอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่บ้าง แล้วก็ชอบคุยกับเด็กๆ อยู่แล้ว เลยลองศึกษาดู
ขั้นตอนการสมัครที่ผมเจอ
พอตัดสินใจว่าจะลอง ผมก็เริ่มเลยครับ
- ดาวน์โหลดแอป: อันดับแรกก็ไปโหลดแอป Palfish Teacher มาก่อนเลย หน้าตามันก็ดูใช้งานง่ายดีนะ
- กรอกข้อมูล: ก็กรอกข้อมูลส่วนตัวทั่วไป แล้วก็มีให้บอกเกี่ยวกับประสบการณ์สอน (ถ้ามี) หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวกับเด็ก ผมก็ใส่ๆ ไปเท่าที่มี
- อัดวิดีโอแนะนำตัว: อันนี้สำคัญเลย เขาจะให้เราอัดวิดีโอแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ ประมาณ 30 วินาที – 1 นาที ผมก็พยายามทำให้ดูเป็นกันเอง สดใส พูดชัดๆ หน่อย
- ทำ Demo Class: หลังจากนั้น ถ้าโปรไฟล์เราผ่านเบื้องต้น เขาจะให้เราทำ Demo Class หรือสอนตัวอย่าง อันนี้จะเป็นการสอนตามสไลด์ที่เขามีให้ ประมาณ 15-20 นาที ก็ต้องเตรียมตัวหน่อย ซ้อมพูด ซ้อมทำท่าทางให้ดูน่าสนใจ ผมก็ซ้อมหน้ากระจกไปหลายรอบเลยแหละ ฮ่าๆ
- รอผล: หลังจากส่ง Demo ไป ก็รอผล ซึ่งของผมนี่รอประมาณ 2-3 วันมั้ง ก็มีแจ้งเตือนมาว่าผ่านแล้ว ดีใจมาก!
ตอนแรกก็แอบกังวลนะว่าจะผ่านไหม เพราะเห็นบางคนบอกว่ายาก แต่ผมว่าถ้าเราเตรียมตัวดีๆ มีความมั่นใจหน่อย ก็ไม่น่ามีปัญหา
ประสบการณ์สอนจริงของผม
พอผ่านแล้ว ก็ได้เวลาเปิดรับนักเรียนจริงๆ แล้วครับ! ช่วงแรกๆ ก็ยังงงๆ กับระบบนิดหน่อย แต่พอทำไปสักพักก็ชิน
ประเภทคลาสที่ผมสอนบ่อยๆ:
- Official Kids Course (OKC): อันนี้จะเป็นคลาสหลักเลย สอนเด็กๆ ตามหลักสูตรของ Palfish มีสไลด์ มีเพลง มีเกมให้พร้อม เราแค่ทำตามแล้วก็พยายามเอ็นเตอร์เทนเด็กให้สนุก
- Free Talk: อันนี้แล้วแต่เราจะคุยกับนักเรียนเลย ส่วนใหญ่จะเป็นเด็กโตหน่อย หรือผู้ใหญ่ที่อยากฝึกพูด ผมก็ชวนคุยเรื่องทั่วไปบ้าง เรื่องงานอดิเรกบ้าง สนุกไปอีกแบบ
การจองคลาส: เราต้องเปิด Slot เวลาที่เราว่างไว้ แล้วผู้ปกครองหรือนักเรียนก็จะมาจองเอง ช่วงพีคๆ ที่นักเรียนเยอะก็จะเป็นช่วงเย็นๆ หลังเลิกเรียนของเด็กจีน แล้วก็วันเสาร์-อาทิตย์ บางทีเปิดปุ๊บ เต็มปั๊บก็มี แต่บางช่วงก็เงียบๆ ต้องคอยโปรโมทตัวเองในแอปบ้าง
การเตรียมตัวสอน: ก่อนสอนทุกครั้ง ผมจะเข้าไปดูสไลด์ก่อนว่าวันนี้สอนเรื่องอะไร มีคำศัพท์ใหม่ๆ ไหม จะได้เตรียมตัวถูก แล้วก็เตรียมพวกอุปกรณ์ประกอบฉากเล็กๆ น้อยๆ เช่น ตุ๊กตา หรือภาพการ์ตูน ไว้ดึงดูดความสนใจเด็ก
ความท้าทายที่เจอ: ก็มีบ้างครับ เด็กบางคนสมาธิสั้นมาก ต้องคอยเรียก คอยชวนเล่นตลอด บางคนก็งอแงไม่ยอมเรียน เราก็ต้องใจเย็นๆ แล้วก็พยายามหาวิธีรับมือไป ส่วนเรื่องอินเทอร์เน็ตนี่สำคัญมาก ถ้าเน็ตไม่ดี ค้างบ่อยๆ ก็โดนหักคะแนนได้ ผมเลยต้องเช็คเน็ตให้ดีก่อนสอนทุกครั้ง
เรื่องเงินๆ ทองๆ และข้อดีข้อเสียจากที่ผมเจอ
เรื่องรายได้: สำหรับผมนะ มันก็เป็นรายได้เสริมที่ดีเลยแหละ เรทต่อคลาสก็ถือว่าโอเค ยิ่งถ้าเรามีคะแนนดี สอนสม่ำเสมอ ก็มีโอกาสได้โบนัส หรือได้นักเรียนประจำเยอะขึ้น แต่ก็ต้องบอกว่ามันไม่ได้การันตีรายได้ที่แน่นอนทุกเดือนนะ บางเดือนงานเยอะ บางเดือนงานน้อย แล้วแต่จังหวะจริงๆ
ข้อดีในมุมของผม:
- ยืดหยุ่น: เลือกเวลาสอนเองได้ ทำจากที่ไหนก็ได้ที่มีเน็ต
- ได้ฝึกภาษา: ได้ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา ก็เหมือนได้ฝึกตัวเองไปด้วย
- สนุก: การสอนเด็กๆ มันก็มีความสุขไปอีกแบบนะ เห็นเขายิ้ม เขาหัวเราะ เราก็ดีใจ
- ขั้นตอนไม่ซับซ้อนมาก: ถ้าเทียบกับงานออนไลน์อื่นๆ ผมว่า Palfish นี่เริ่มง่ายกว่าเยอะ
ข้อเสียที่ผมรู้สึก:
- การแข่งขัน: ครูเยอะเหมือนกัน บางทีก็ต้องแย่งนักเรียนกันหน่อย
- ความไม่แน่นอนของรายได้: อย่างที่บอกไป บางทีก็คาดเดาไม่ได้
- กฎระเบียบ: ก็มีกฎค่อนข้างเยอะเหมือนกัน เช่น ห้ามมาสาย ห้ามขาดสอนโดยไม่มีเหตุผล ถ้าทำผิดก็อาจจะโดนปรับ หรือลดคะแนน ซึ่งก็เข้าใจได้แหละ เพื่อคุณภาพ
- ความเหนื่อย: บางวันสอนติดๆ กันหลายคลาส ก็มีเหนื่อย มีเพลียเหมือนกันนะ เพราะต้องใช้พลังงานเยอะในการเอ็นเตอร์เทน
สุดท้ายแล้ว…สำหรับผม Palfish ดีไหม?
ถ้าถามผมว่า Palfish ดีไหม ผมว่ามันก็ “ดีในระดับหนึ่ง” นะครับ มันเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากหารายได้เสริม ชอบสอน ชอบเด็ก และพอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษบ้าง มันให้ความยืดหยุ่นกับเราค่อนข้างมาก
แต่ถ้าจะให้ยึดเป็นอาชีพหลักเลย อาจจะต้องคิดเยอะหน่อย เพราะรายได้มันไม่ค่อยเสถียรเท่าไหร่ แล้วก็มีปัจจัยหลายอย่างที่เราควบคุมไม่ได้ เช่น จำนวนนักเรียน หรือนโยบายของแพลตฟอร์มที่อาจจะเปลี่ยนไป
คำแนะนำจากผม: ถ้าใครสนใจ ลองสมัครดูก็ไม่เสียหายครับ ถือซะว่าเป็นการหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ตัวเอง อย่างน้อยก็ได้ฝึกภาษา ได้เจอเพื่อนใหม่ๆ จากทั่วโลก (ทั้งครูและนักเรียน) แต่ก็อย่าคาดหวังว่าจะรวยเร็ว หรือสบายมากๆ เพราะทุกงานมันก็มีทั้งด้านดีและด้านที่ต้องพยายามทั้งนั้นแหละครับ
นี่ก็เป็นประสบการณ์ตรงของผมกับการทำงาน Palfish หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังตัดสินใจอยู่นะครับ ลองชั่งน้ำหนักข้อดีข้อเสียดู แล้วก็ดูว่ามันเหมาะกับไลฟ์สไตล์และความต้องการของเราหรือเปล่า สู้ๆ ครับ!