สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองเลย กับการพยายามจะเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มต้นแบบคนไม่รู้อะไรเลยจริงๆ นะครับ คือต้องบอกก่อนว่าผมเนี่ย พื้นฐานภาษาอังกฤษนี่คือติดลบเลยก็ว่าได้ อ่านออกบ้างนิดหน่อย แต่ให้พูดหรือฟังนี่คือจบเห่เลย
จุดเริ่มต้นและความรู้สึกแรก
เรื่องมันเริ่มมาจากความอึดอัดใจล้วนๆ เลยครับ เวลาไปไหนมาไหน หรืออยากจะหาข้อมูลอะไรบางอย่างเป็นภาษาอังกฤษเนี่ย มันเหมือนคนตาบอดคลำทางเลยจริงๆ นะ แล้วยิ่งเวลาเห็นคนอื่นเค้าพูดได้คล่องๆ หรือดูหนังฟังเพลงแบบไม่ต้องพึ่งซับไทยเนี่ย โอ้โห อิจฉามาก! ก็เลยตัดสินใจว่า เอาวะ! ลองดูซักตั้ง
ตอนแรกที่เริ่มนี่ก็งงเป็นไก่ตาแตกเลยครับ ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ไปร้านหนังสือ ก็เจอหนังสือสอนภาษาอังกฤษเต็มไปหมด เลือกไม่ถูกเลย สุดท้ายก็หยิบเล่มที่มันดูง่ายที่สุด ภาพเยอะๆ ตัวหนังสือน้อยๆ มาก่อน กะว่าค่อยเป็นค่อยไป
ลงมือปฏิบัติจริง: ลองผิดลองถูก
ช่วงแรกๆ ผมก็พยายามท่องศัพท์พื้นฐานก่อนเลยครับ A-Z, คำทักทายง่ายๆ, ตัวเลข, สี อะไรพวกนี้แหละครับ แล้วก็ลองหาพวกแอปพลิเคชันสอนภาษาในมือถือมาเล่นดู ก็มีเยอะแยะเลยนะ บางอันก็ดี บางอันก็รู้สึกว่าไม่ใช่แนวเราเท่าไหร่
ผมลองทำตามนี้ครับ:

- ท่องศัพท์วันละนิด: ตั้งเป้าไว้เลยว่าวันละ 5 คำ 10 คำก็ยังดี ขอให้ได้ทำทุกวัน แล้วก็พยายามเอาคำศัพท์พวกนั้นมาลองแต่งประโยคง่ายๆ ดู
- ดูการ์ตูนเด็กภาษาอังกฤษ: อันนี้ช่วยได้เยอะเลยนะ เพราะการ์ตูนเด็กมันจะใช้คำศัพท์ง่ายๆ พูดช้าๆ ชัดๆ แล้วก็มีภาพประกอบให้เข้าใจง่ายขึ้นเยอะเลย
- ฟังเพลงภาษาอังกฤษแบบมีเนื้อเพลง: เปิดเพลงไป อ่านเนื้อตามไป แล้วก็พยายามทำความเข้าใจความหมาย แรกๆ ก็แปลไม่ออกหรอกครับ อาศัยเปิดดิกชันนารีช่วยเอา
- พยายามหาเพื่อนคุย: อันนี้ยากหน่อยสำหรับคนขี้อายแบบผม แต่ก็พยายามหาโอกาสฝึกพูดบ้าง เช่น คุยกับตัวเองหน้ากระจก หรือถ้าเจอเพื่อนที่เก่งอังกฤษก็พยายามชวนคุยเป็นภาษาอังกฤษดูบ้าง ผิดๆ ถูกๆ ก็ช่างมัน
มีช่วงนึงผมท้อมากเลยนะ รู้สึกว่ามันไม่ไปไหนเลย เรียนไปก็ลืม เรียนไปก็จำไม่ได้ เหมือนสมองมันไม่รับแล้ว ตอนนั้นเกือบจะล้มเลิกไปแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็มีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ผมต้องกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง
จุดเปลี่ยนสำคัญ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ผมดันไปเจอโอกาสดีๆ ในการทำงานที่นึงครับ ซึ่งเค้าต้องการคนที่พอจะสื่อสารภาษาอังกฤษได้บ้าง ตอนสัมภาษณ์นี่สิครับ เค้ามีถามเป็นภาษาอังกฤษด้วยนิดหน่อย โอ้โห ตอนนั้นผมใบ้กินเลยครับ ตอบแบบตะกุกตะกัก เหงื่อแตกพลั่กๆ คือรู้เลยว่าพลาดโอกาสนั้นไปเพราะภาษาอังกฤษแท้ๆ เลย กลับมาบ้านวันนั้นนะ ผมนั่งเซ็งอยู่หลายวันเลยครับ ความรู้สึกเฟลมันแรงมาก มันทำให้ผมคิดได้ว่า เออ ถ้าเรายอมแพ้ตอนนี้ แล้วเมื่อไหร่เราจะทำได้ซักทีวะ?
หลังจากวันนั้น ผมก็เลยเปลี่ยนวิธีคิดใหม่เลยครับ จากที่เคยเรียนแบบขอไปที ก็มาจริงจังมากขึ้น หาคอร์สออนไลน์เรียนบ้าง ดูคลิปสอนภาษาในยูทูปเยอะขึ้น คืออันไหนใครว่าดี ผมลองหมด! ไม่ได้คาดหวังว่าจะเก่งเทพเลยนะ ขอแค่ให้มันดีขึ้นกว่าเดิมก็พอ
ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ เห็นผล
พอเริ่มจับทางได้ เริ่มคุ้นเคยกับโครงสร้างประโยค เริ่มเห็นคำศัพท์เดิมๆ ซ้ำๆ บ่อยขึ้น มันก็ค่อยๆ ซึมซับเข้ามาเองครับ จากที่เคยฟังไม่รู้เรื่องเลย ก็เริ่มพอจะจับใจความได้บ้าง จากที่เคยพูดไม่ได้เลย ก็เริ่มกล้าที่จะพูดประโยคง่ายๆ ออกไป ถึงจะยังผิดแกรมมาร์อยู่บ้างก็เถอะ
เดี๋ยวนี้เหรอครับ ก็พอจะสั่งกาแฟ อ่านข่าวหัวข้อสั้นๆ หรือดูคลิปรีวิวสินค้าของต่างชาติแบบไม่ต้องพึ่งซับไทยได้บ้างแล้วครับ อาจจะยังไม่คล่องปรื๋อเหมือนเจ้าของภาษา แต่ถ้าเทียบกับตัวผมเองในอดีต ก็ถือว่ามาไกลกว่าจุดเริ่มต้นเยอะมากๆ เลยครับ มันทำให้ผมรู้สึกภูมิใจในตัวเองเล็กๆ นะ
ทุกวันนี้ผมก็ยังเรียนรู้อยู่เรื่อยๆ ครับ ภาษาอังกฤษมันเป็นอะไรที่ต้องใช้เวลา และต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจริงๆ ไม่มีทางลัด แต่ถ้าเราไม่ท้อถอยไปซะก่อน ยังไงมันก็ต้องมีวันที่เราทำได้ดีขึ้นแน่นอนครับ
ใครที่กำลังคิดจะเริ่มต้น หรือกำลังท้ออยู่ ผมอยากจะบอกว่า สู้ๆ นะครับ! เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นี่แหละครับ สะสมไปเรื่อยๆ อย่าไปเปรียบเทียบตัวเองกับใคร แข่งกับตัวเองก็พอแล้วครับ เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ!