วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ลงคอร์สเรียนภาษาอังกฤษราคาถูกกว่าใคร เพื่อนๆรู้ไหม เวลาดูโฆษณาแต่ละที่เขาเขียนว่า “เริ่มต้น 99 บาท” พอคลิกเข้าไปจริงดันมีเงื่อนไขเพียบ เลยต้องลุยเปรียบเทียบเอง
ขั้นแรก : สำรวจตลาดแบบละเอียด
เปิด Google แล้วพิมพ์ “เรียนภาษาอังกฤษ ราคาไม่แพง” เจอผล搜索เป็นกองพะเนิน ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนดี บางเว็บบอกราคา 5,000 บาท 10 คลาส บางที่เขียนว่าฟรี แต่พอสมัครแล้วดันให้เรียนแค่บททดลอง 2 คลาสที่เหลือต้องจ่ายเพิ่ม แถมบางแพลตฟอร์มถามข้อมูลส่วนตัวละเอียดยิบจนรู้สึกอึดอัด
ขั้นที่สอง : ลองเรียนฟังเสียงอาจารย์
คลิกรูปปุ่ม “ทดลองเรียนฟรี” เกือบทุกที่ที่เจอ พบปัญหาบางคลิปสอนเร็วเหมือนแข่งอ่านข่าว บางคลิปเสียงแตกฟังไม่ชัด แพลตฟอร์มนึงเจอดีมาก อาจารย์พูดชัด พยายามอธิบายศัพท์ด้วยท่าทาง แต่พอไปดูราคาคอร์สเต็มดันแพงเกินงบ ต้องกดย้อนกลับรวดเดียว
- แอพ A : เริ่ม 199/เดือน แต่เรียนได้แค่บทสนทนาพื้นฐาน
- เว็บ B : โปรโมชั่น 990 บาท 3 เดือน พอดูเงื่อนไขเล็กๆต้องซื้อหนังสือแยก 1,200
- เพจ C : โพสต์ระบุ “คอร์สเราจบใน 1 เดือนแค่ 500 บาท” แต่ปรากฎว่าคอร์สมีแค่ 5 วิดีโอความยาวคลาสละ 10 นาที
ขั้นที่สาม : เลือกที่เรียนแบบไม่ต้องคิดมาก
สุดท้ายเจอสถาบันเล็กๆแถวบ้าน เขาไม่เน้นโฆษณาออนไลน์ แต่ติดป้ายกระดาษที่ร้านข้าวแกง “ภาษาอังกฤษพื้นฐาน 30 ชม. ราคาพิเศษ 2,500 บาท” ไม่กล้ารีบตัดสินใจ เดินไปคุยหน้าเคาน์เตอร์เลย บรรยากาศในห้องเรียนมีนักเรียนวัยทำงานนั่งอยู่ 6-7 คน อาจารย์กำลังสอนเรื่อง Present Simple ด้วยตัวอย่างการสั่งอาหาร
ผลลัพธ์หลังเรียนจบ
แม้สถาบันจะไม่สวยหรู แต่ได้ฝึกพูดจริงทุกคลาส อาการมึนหัวกับ verb to be ที่เคยเป็นมา 10 ปีเริ่มหายไป รู้สึกว่าได้ทักษะคุ้มราคามาก ได้สมุดแบบฝึกหัดแถมฟรี 1 เล่ม แถมคาบสุดท้ายอาจารย์กดเพลงเพราะๆให้ร้องตามด้วย ตอนนี้พอไปร้านอาหารฝรั่งสั่งอาหารเป็นประโยคได้แล้ว สรุปคือคอร์สราคาไม่แพงมักซ่อนอยู่ในพื้นที่จริงมากกว่าออนไลน์