วันนี้เฮียจะมาเล่าประสบการณ์เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์ให้ฟังนะ เริ่มจากตอนไปสัมภาษณ์งานเมื่อเดือนก่อนนี่แหละ พอฝรั่งถามคำถามง่ายๆ ยังตอบไม่ออก ตอนนั่งรถเมล์กลับบ้านนั่นเหงื่อตกเลย
จุดเริ่มต้นคือเมื่อไร
เช้าวันเสาร์ตื่นมาก็จับโทรศัพท์ค้นเลยว่า “คอร์สอังกฤษราคาถูก” เจอสิบกว่าที่แต่ไม่รู้ว่าไหนดี เลยลองโหลดแอปสอนภาษามาครบทุกอันในมือถือ
ขั้นตอนการเรียนวันแรก
เริ่มจากแอปชื่อดังอันนึงนะ กดเข้าไปหน้าแรกสวยมากแต่พอคลิกไปเรื่องง่ายสุด “Greeting” ปรากฎว่า:
- ครูฝรั่งพูดเร็วเวอร์นั่งฟังไม่ทัน
- แบบฝึกหัดให้พูดตาม แต่พอกดไมค์ทีไรระบบแจ้งว่า “ไม่พบเสียง” ทุกที
- มีแชทถามเจ้าหน้าที่ รอสามชั่วโมงกว่าจะมีคนตอบ
ทนเรียนได้แค่ยี่สิบนาทีก็ถอดใจ ปิดแอปทันที
เปลี่ยนแผนใหม่
วันรุ่งขึ้นตัดสินใจหาใหม่ เจอคลิปครูไทยสอนในเฟซบุ๊ก อันนี้ชิลล์กว่า:
- ครูพูดช้าๆ มีเทคนิกจำง่ายแบบ “Good morning = กู๊ดม้อรนิง แปลว่า สวัสดีตอนเช้า”
- เอากระดาษมานั่งจดตามตั้งแต่คำแรกจนเป็นประโยค
- ฝึกพูดกับกระจกในห้องน้ำตอนเย็นๆ
แค่สัปดาห์แรกรู้สึกว่าเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง พอไปร้านสะดวกซื้อเจอทัวริสต์ถามทางพูดว่า “Go straight” ได้เอง!
ปัญหาที่ตามมา
พอขึ้นบทสนทนาสถานการณ์จริงเจอปัญหาใหม่:
- เวลาเล่าเรื่องตัวเองเป็นภาษาอังกฤษยังเรียงคำผิด เช่น “I 23 years” แทน “I’m 23”
- พอเปิดวิดีโอคอลกับครูต่างชาติหน้าก็แข็งพูดไม่ออก
- เจอศัพท์แสลงในหนังฝรั่งแบบ “Lit” “Salty” หาความหมายไม่เจอ
วิธีแก้แบบบ้านๆ
เลยปรับวิธีเรียนใหม่:
- ดูยูทูบ “ศัพท์วัยรุ่นฝรั่ง” กับ “ผิดพลาดยอดฮ่าของคนไทย”
- ฝึกพูดหน้าจอทีวีเวลาเปิดการ์ตูนซับไทย แล้วปิดเสียงพูดตาม
- สุดท้ายกดดันตัวเองด้วยการไปนั่งทำงานร้านกาแฟแถวสุขุมวิทตอนอาทิตย์ว่างๆ
สองเดือนผ่านมาครูนัดทดสอบเก็บคะแนนผ่านวิดีโอคอล ตื่นเต้นมากแต่คราวนี้ตอบได้ทุกคำถาม ถึงจะมีสะดุดตรงกลางนิดหน่อย
ผลลัพธ์ตอนนี้
สรุปสั้นๆ สำหรับคนอยากเริ่มเรียนเหมือนเฮีย:
- หาครูไทยก่อนแล้วค่อยย้ายไปครูต่างชาติ
- อย่าเพิ่งใช้แอปแพงๆ ถ้ายังไม่ทนแน่
- สำคัญที่สุดคือ “ต้องใช้จริง” ไม่มีทางลัด
ตอนนี้พอไปเที่ยวได้เจอฝรั่งก็ขอแค่พูดรู้เรื่อง ขัดๆ หน่อยไม่เป็นไร สำเนียงบ้านเรามันก็คือตัวตนเนอะ!