ในบรรดาผู้ให้บริการสถาบันสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย ชื่อของ Globish คงเป็นที่คุ้นหูสำหรับหลายคน ด้วยวิธีการสอนที่เน้นการสื่อสารและการพัฒนาทักษะผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ ล่าสุดมีการแจ้งเตือนถึงการปรับเปลี่ยนโครงสร้างราคาในหลักสูตรต่างๆ ซึ่งส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสำหรับผู้เรียนเพิ่มสูงขึ้นเป็นอีกครั้ง
รายละเอียดการปรับราคาล่าสุด
จากการตรวจสอบข้อมูลอย่างเป็นทางการพบว่า การปรับราคาครั้งนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป โดยแต่ละหลักสูตรได้รับผลกระทบในสัดส่วนที่แตกต่างกัน:
- หลักสูตรออนไลน์แบบกลุ่ม ปรับเพิ่มจากเดิม 12,900 บาท เป็น 14,500 บาท
- แพ็กเกจเรียนส่วนตัว จากราคาเริ่มต้น 899 บาท/ชั่วโมง ปรับเป็น 999 บาท/ชั่วโมง
- หลักสูตรเร่งรัด 30 ชั่วโมง ปรับเพิ่มขึ้น 15% จากราคาเดิม
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับขึ้นราคา
ผู้สังเกตการณ์ในแวดวงการศึกษาระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีปัจจัยสนับสนุนหลายประการ เริ่มจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้นทั้งค่าวิทยากรเจ้าของภาษา ค่าเทคโนโลยีแพลตฟอร์ม และค่าบำรุงระบบ นอกจากนี้ Globish ได้เพิ่มฟีเจอร์การเรียนรู้ใหม่ๆ เช่น ระบบวิเคราะห์การออกเสียงแบบเรียลไทม์และคลังแบบฝึกหัดเสริม ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อต้นทุนการพัฒนา
วิกฤตทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ เนื่องจากแพลตฟอร์มหลักและซอฟต์แวร์บางส่วนต้องพึ่งพาการชำระเงินเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
การเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาด
แม้ราคาของ Globish จะเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับสถาบันระดับพรีเมียมอื่นที่ให้บริการในรูปแบบเดียวกัน ราคายังอยู่ในเกณฑ์ที่แข่งขันได้ ดังตารางเปรียบเทียบเบื้องต้น:
- สถาบัน A: บทเรียนกลุ่มออนไลน์เริ่มต้นที่ 16,800 บาท
- สถาบัน B: คอร์สส่วนตัว 1,299 บาท/ชั่วโมง
- สถาบัน C: แพ็กเกจ 30 ชั่วโมงเริ่มต้น 29,000 บาท
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจ
สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ อาจพิจารณาปัจจัยอื่นนอกเหนือจากราคา เช่น
- รูปแบบการสอนที่เน้นการพูดและการฟังมากกว่าทฤษฎี
- ความยืดหยุ่นในการนัดเวลาเรียน
- เทคโนโลยีสนับสนุนการเรียนรู้
- ผลตอบรับจากผู้เรียนรุ่นก่อนๆ
นอกจากนี้ หลายสถาบันมักมีโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลสำคัญหรือนโยบายส่วนลดสำหรับนักเรียนใหม่ ซึ่งอาจช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้บ้าง
ทางเลือกที่อาจพิจารณา
สำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดด้านงบประมาณ อาจลองสำรวจช่องทางอื่น เช่น แอปพลิเคชันเรียนรู้ภาษาแบบสมาชิกรายเดือนที่มีราคาต่ำกว่า คอร์สออนไลน์แบบเปิด (MOOC) จากมหาวิทยาลัยชั้นนำ หรือแม้แต่การเรียนผ่านช่องทาง YouTube ที่มีเนื้อหาคุณภาพโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพของการเรียนรู้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะวินัยของผู้เรียนและเป้าหมายที่ชัดเจน บางคนอาจพบว่าการลงทุนในหลักสูตรที่มีโครงสร้างชัดเจนและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว
การปรับราคาครั้งนี้ทำให้ผู้ที่กำลังตัดสินใจเรียนภาษาอังกฤษต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านมากยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบตัวเลือกต่างๆ และประเมินความคุ้มค่าหลักสูตรจะช่วยให้ตัดสินใจได้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และกำลังทรัพย์ของแต่ละคน