การวางแผนไปเรียนต่อต่างประเทศเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องวางรากฐานให้มั่นคง โดยหนึ่งในองค์ประกอบที่จำเป็นคือการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ปัจจุบัน TOEIC และ IELTS เป็นสองการสอบที่นิยมและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการการศึกษาและการทำงานระหว่างประเทศ ผู้สมัครจึงควรทำความเข้าใจความแตกต่างและวัตถุประสงค์ของแต่ละการสอบเพื่อเลือกให้เหมาะสมกับเป้าหมายของตน
IELTS: ประตูสู่การศึกษานานาชาติ
IELTS (International English Language Testing System) ได้รับการออกแบบมาเพื่อประเมินความสามารถด้านภาษาอังกฤษของผู้ที่ต้องการเรียนหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา การสอบนี้มีโมดูลเชิงวิชาการ (Academic Module) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับผู้สมัครเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา
ข้อดีหลักของ IELTS Academic คือความครอบคลุมของการประเมิน ทั้งในด้านการฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน โดยเน้นทักษะทางวิชาการเป็นพิเศษ เช่น การเขียนเรียงความเชิงวิเคราะห์ การอ่านบทความทางวิชาการ การฟังบรรยาย และการพูดแบบสัมภาษณ์ มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในต่างประเทศกำหนดให้ผู้สมัครต้องส่งคะแนน IELTS Academic เพื่อแสดงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการเรียนการสอนและการค้นคว้า
TOEIC: ภาษาอังกฤษสำหรับวงการธุรกิจและการทำงาน
TOEIC (Test of English for International Communication) มุ่งเน้นที่การประเมินทักษะภาษาอังกฤษที่ใช้ในการสื่อสารในสถานที่ทำงานนานาชาติและการปฏิสัมพันธ์ทางธุรกิจ การสอบนี้เป็นที่ยอมรับอย่างแพร่หลายในบริษัทข้ามชาติ องค์กรภาครัฐ และบางสถาบันการศึกษาในประเทศแถบเอเชีย โดยเฉพาะในญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไทยเอง
การสอบ TOEIC ในรูปแบบมาตรฐาน (Listening and Reading) จะทดสอบทักษะการฟังและการอ่านผ่านสถานการณ์จำลองที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและการทำงานเป็นหลัก เช่น การพูดคุยในที่ประชุม การอ่านอีเมล การตีความกราฟหรือรายงาน คะแนน TOEIC มักถูกใช้เป็นเกณฑ์การรับสมัครงาน การเลื่อนตำแหน่ง หรือการประเมินพนักงานในองค์กรต่างๆ มากกว่าจะเป็นเงื่อนไขการรับเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำในยุโรปหรืออเมริกาเหนือ
เปรียบเทียบให้ชัด เลือกให้เหมาะกับเป้าหมาย
เพื่อตัดสินใจว่าควรสอบ TOEIC หรือ IELTS ผู้มีแผนไปเรียนต่อควรพิจารณาปัจจัยสำคัญดังนี้:
- ประเทศและสถาบันการศึกษาเป้าหมาย: มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และยุโรป ยอมรับ IELTS Academic เท่านั้น ต้องตรวจสอบข้อกำหนดของหลักสูตรและสถาบันนั้นๆ ให้ละเอียด
- สาขาการเรียน: หลักสูตรที่เน้นการเขียนเชิงวิชาการ งานวิจัย และการวิเคราะห์ จะเน้นความสำคัญของคะแนน IELTS เป็นพิเศษ เนื่องจากวัดทักษะเชิงลึกด้านการเขียนและการอ่านเนื้อหาซับซ้อนได้ดีกว่า
- รูปแบบข้อสอบ: IELTS</strong มีการสอบพูดแบบต่อหน้ากรรมการ (Face-to-Face Interview) ซึ่งหลายคนพบว่าท้าทายกว่า ในขณะที่ TOEIC</strong การพูดและเขียน (Speaking & Writing) เป็นการสอบแยกและมักทำผ่านคอมพิวเตอร์
- อายุคะแนน: คะแนน IELTS มีอายุ 2 ปี เหมือนกันกับ TOEIC แต่ควรยื่นคะแนนให้สอดคล้องกับกำหนดการสมัครเรียน
- จุดประสงค์เสริม: หากมีแผนจะหาประสบการณ์ทำงานระหว่างเรียนหรือหลังจบในประเทศเป้าหมาย การมีคะแนน IELTS ที่ดีอาจช่วยในการสมัครงานได้ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ TOEIC อาจมีประโยชน์ในการสมัครงานในไทยหรือบริษัทญี่ปุ่น/เกาหลีมากกว่า
โดยสรุป การตัดสินใจเลือกระหว่าง TOEIC และ IELTS สำหรับการศึกษาต่อ ควรยึดโยงกับข้อกำหนดการรับสมัครของสถาบันและหลักสูตรในประเทศเป้าหมายเป็นอันดับแรก โดยในกรณีศึกษาต่อต่างประเทศ โดยเฉพาะระดับปริญญาโทหรือเอก ในประเทศตะวันตกและออสเตรเลีย IELTS Academic มักเป็นเงื่อนไขหลักหรือบางครั้งยอมรับเพียงการสอบเดียวเท่านั้น การลงทุนเวลาเตรียมตัวเพื่อสอบ IELTS จึงมักเป็นทางเลือกที่ตรงจุดและจำเป็นกว่าเพื่อเปิดประตูสู่การศึกษาในระดับสากลอย่างแท้จริง