การเรียนภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานเป็นเรื่องที่หลายคนประสบปัญหาเหมือนกัน นั่นคือเรื่องความพยายามที่ดูเหมือนจะไม่ส่งผลต่อความก้าวหน้า ผู้เรียนจำนวนมากตั้งคำถามกับตัวเองว่า “ทำไมเรียนเท่าไหร่ก็ไม่เก่งสักที?” แม้ว่าจะทุ่มเทเวลาและความพยายามไปไม่น้อยก็ตาม
ปรากฏการณ์นี้สร้างความหงุดหงิดและท้อแท้ใจไม่น้อย การสังเกตพฤติกรรมการเรียนของกลุ่มผู้เรียนเบื้องต้นพบว่า สิ่งที่ขวางกั้นการพัฒนาไม่ใช่แค่เรื่องความสามารถ หรือ เวลา แต่เป็น แนวทางที่อาจจะยังไม่ถูกจุด นักการศึกษาด้านภาษามักระบุถึงข้อผิดพลาดหลักๆ ที่หลายคนเผลอทำซ้ำๆ โดยไม่รู้ตัว ซึ่งหากเลี่ยงได้ ก็จะช่วยเปิดทางให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึ้นทันที
3 ข้อผิดพลาดหลักที่ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษติดขัด
- เน้นท่องจำโครงสร้างมากเกินไป แต่ขาดการใช้งานจริง: ผู้เรียนจำนวนมากใช้เวลาไปกับการจดจำกฎไวยากรณ์หรือคำศัพท์เป็นรายๆ ตัว แต่กลับมีโอกาสน้อยมากในการนำสิ่งที่ท่องจำมานั้นไปใช้สร้างประโยคสนทนาในชีวิตประจำวัน ส่งผลให้ความรู้กลายเป็นเรื่องทฤษฎีที่จับต้องยาก เมื่อถึงเวลาต้องพูดหรือเขียนจริงก็เรียกใช้งานไม่ค่อยได้
- เรียนรู้แบบรับข้อมูลเพียงทางเดียว: หลายคนติดกับดักการ “เรียน” ในแบบรับข้อมูลฝ่ายเดียวเป็นหลัก เช่น ฟังอย่างเดียว อ่านอย่างเดียว หรือดูเนื้อหาอย่างเดียว โดยไม่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้มีส่วนร่วมอย่างจริงจัง การพัฒนาทักษะภาษา โดยเฉพาะทักษะการพูดและการเขียน จำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนเชิงรุก (Active Practice) การขาดการฝึกโต้ตอบ, การสร้างประโยคเอง หรือการคิดเป็นภาษาอังกฤษ แม้จะใช้เวลาเรียนมาก แต่การพัฒนาในทักษะที่ต้องการกลับเป็นไปอย่างช้าๆ
- กลัวความผิดพลาดมากเกินไปจนไม่กล้าลงมือ: ความกังวลหรือกลัวการพูดผิด การใช้ไวยากรณ์ไม่ถูกต้อง หรือรู้สึกอายเป็นอุปสรรคใหญ่ ที่ทำให้ผู้เรียนระดับพื้นฐานหลายคนลังเล ไม่กล้าที่จะออกเสียง พูดคุย หรือลองเขียนโดยไม่พึ่งพาการแปลในทุกครั้ง การปฏิเสธที่จะเริ่มต้นหรือทดลองใช้ภาษาด้วยตัวเองเพราะกลัวพลาด เท่ากับเป็นการปิดกั้นโอกาสสำคัญในการเรียนรู้ผ่านการทำจริงและการแก้ไข
แนวทางเหล่านี้ แม้จะดูเป็นวิธีเรียนแบบปกติที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่กลับกลายเป็นกำแพงที่ขัดขวางไม่ให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานสามารถขยับขึ้นไปสู่ระดับที่คล่องแคล่วได้ การหมกมุ่นอยู่กับไวยากรณ์เกินความจำเป็นโดยขาดการฝึกประยุกต์ การให้ตัวเองเป็นฝ่ายรับข้อมูลอย่างเดียวโดยไม่ยอมออกกำลังทักษะอย่างจริงจัง และการยอมให้ความกลัวผิดเป็นตัวหยุดยั้งความกล้าลงมือปฏิบัติ เป็นเหมือนกับดักที่ดูดซับเวลาคุณภาพไปโดยไม่เกิดผลลัพธ์เท่าที่ควร
การจะก้าวข้ามช่วงเวลาติดขัดนี้ได้นั้น เริ่มต้นจากการ ปรับมุมมองและวิธีการฝึกฝน ให้สมดุลขึ้น ยอมรับว่าการเริ่มต้นจะต้องพบกับข้อผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ ใช้การสื่อสารง่ายๆ ในชีวิตประจำวันหรือตามความสนใจส่วนตัวเป็นเครื่องมือฝึกฝนแทนการท่องจำเนื้อหาหนักๆ เพียงอย่างเดียว หาโอกาสในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อทำอะไรบางอย่างจริงๆ อาจเริ่มจากพูดกับตัวเอง เลียนแบบบทสนทนา หรือหาคู่ฝึกที่มีเป้าหมายคล้ายกัน หากเลี่ยงข้อผิดพลาดหลักทั้งสามข้อนี้ได้ ก็จะพบว่าเส้นทางการเรียนภาษาอังกฤษระดับพื้นฐานนั้นมีประสิทธิภาพและสนุกขึ้นกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด