การหาวิธีสอนภาษาอังกฤษให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้นเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนการสอนในปัจจุบัน ครูผู้สอนต่างมองหาวิธีการใหม่ๆ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถจดจำและนำไปใช้ได้จริง โดยไม่ต้องท่องจำอย่างน่าเบื่อ มีเทคนิคหลากหลายที่นักการศึกษารับรองว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ได้อย่างเห็นผล
ทำความเข้าใจอุปสรรคหลักในการเรียนรู้
ก่อนนำเทคนิคใดๆ มาใช้ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้นักเรียนไทยบางส่วนรู้สึกว่าภาษาอังกฤษนั้นยาก ตัวอย่างอุปสรรคทั่วไป ได้แก่
- ความแตกต่างของระบบเสียง: เสียงบางเสียงในภาษาอังกฤษไม่มีในภาษาไทย และการเน้นเสียง (stress) และน้ำเสียง (intonation) ที่แตกต่างสร้างความสับสนในการฟังและการพูด
- โครงสร้างไวยากรณ์ที่ซับซ้อน: กาล (Tenses) ที่หลากหลาย และโครงสร้างประโยคที่แตกต่างจากภาษาไทย เช่น การเรียงลำดับคำ (word order) ในประโยค
- ความกลัวที่จะสื่อสารผิด: ความกังวลเรื่องความถูกต้องทางไวยากรณ์หรือการออกเสียง อาจทำให้นักเรียนไม่กล้าฝึกพูด
- การเรียนแบบเน้นท่องจำ: การสอนที่เน้นแต่การท่องคำศัพท์และกฎแกรมมาร์โดยขาดการเชื่อมโยงกับการใช้งานจริง ทำให้รู้สึกน่าเบื่อ
เทคนิคง่ายๆ ที่ช่วยให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
เพื่อก้าวข้ามอุปสรรคข้างต้น ครูและผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์ได้รวบรวมแนวทางที่เป็นประโยชน์:
1. สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ผ่านบริบท
- แทนที่จะแจกคำศัพท์เป็นลิสต์ยาวๆ ควรนำเสนอคำศัพท์ในสถานการณ์สมมติหรือเรื่องราวที่น่าสนใจ เช่น การเรียนคำศัพท์เกี่ยวกับอาหารผ่านการ “สั่งอาหารในร้าน”
- ใช้สื่อการเรียนรู้หลากหลาย เช่น ภาพถ่าย อินโฟกราฟิก ภาพเคลื่อนไหวสั้นๆ หรือวิดีโอซึ่งแสดงให้เห็นการใช้ภาษาในชีวิตประจำวัน ช่วยให้นักเรียนจดจำและเข้าใจบริบทได้ดีขึ้น
2. เน้นทักษะการฟังและพูดในเบื้องต้น
- เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฟังภาษาอังกฤษสำเนียงต่างๆ จากแหล่งธรรมชาติ เช่น เพลง การ์ตูนคลิปสนทนาสั้นๆ ที่เหมาะกับระดับ โดยเริ่มจากสิ่งที่เข้าใจง่ายก่อน
- ส่งเสริมให้ฝึกพูดตั้งแต่เริ่มต้นแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาด โดยเน้นที่ความหมายของการสื่อสาร (communication) เป็นหลักก่อนความถูกต้องสมบูรณ์แบบ ให้คำชมเชยเพื่อลดความกลัว
3. แทรกเกมและกิจกรรมเชิงโต้ตอบ
- การใช้เกมการศึกษา เช่น บิงโกคำศัพท์ เกมใบ้คำ (charades) หรือเกมต่อคำ (word chain) ช่วยสร้างความสนุกสนานและทำให้การเรียนไม่ตึงเครียด
- กิจกรรมคู่หรือกลุ่ม เช่น การสัมภาษณ์เพื่อน การแสดงบทบาทสมมติ (role-play) ในการซื้อของ หรือถามทาง ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนได้ใช้ภาษาในสถานการณ์จำลอง
4. เชื่อมโยงกับภาษาและวัฒนธรรมไทย
- เปรียบเทียบความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาไทยและอังกฤษในประเด็นที่เข้าใจง่าย เช่น ลำดับคำในประโยค (subject-verb-object) หรือคำศัพท์ที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษแล้วใช้ในภาษาไทย (เทคโนโลยี)
- นำเสนอวัฒนธรรมที่เกี่ยวเนื่องกับเนื้อหาการเรียน เช่น ประเพณีเทศกาลในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เพื่อสร้างความสนใจ
5. ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีที่เข้าถึงง่าย
- แนะนำแอปพลิเคชันหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ที่มีแบบฝึกหัดแบบโต้ตอบ เกม และเรื่องราวสั้นๆ ที่นักเรียนสามารถฝึกฝนได้นอกเวลาเรียน
- ใช้วิดีโอหรือเพลงยอดนิยมในการสาธิตการใช้ภาษาในชีวิตจริง ดึงดูดความสนใจของนักเรียน
6. สอนไวยากรณ์ผ่านตัวอย่างและการใช้จริง
- แทนที่จะเริ่มต้นด้วยกฎที่ซับซ้อน ควรนำเสนอโครงสร้างประโยคง่ายๆ พร้อมตัวอย่างที่ชัดเจนและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันให้นักเรียนเห็นรูปแบบการใช้งานก่อน
- เน้นให้นักเรียนสังเกตรูปแบบ (patterns) จากตัวอย่างประโยคหรือบทสนทนาที่ได้ยินบ่อยๆ ค่อยๆ สรุปกฎไวยากรณ์ในภายหลัง
ความสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญ
เครื่องมือต่างๆ เหล่านี้จะเห็นผลอย่างชัดเจนเมื่อมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ผู้สอนควรกระตุ้นให้นักเรียนได้สัมผัสและใช้ภาษาอังกฤษในรูปแบบต่างๆ ทุกวัน แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ เช่น การทักทายด้วยภาษาอังกฤษสั้นๆ ในชั้นเรียน การดูคลิปการ์ตูนภาษาอังกฤษ 5 นาที หรือการฟังเพลงโปรดที่เนื้อหาไม่ซับซ้อน การสร้างนิสัยรักการเรียนรู้และกล้าที่จะใช้ภาษาโดยไม่กลัวผิดพลาด จะนำไปสู่ความเข้าใจภาษาอังกฤษที่ลึกซึ้งและใช้งานได้จริงอย่างเป็นธรรมชาติในที่สุด