เคยประสบปัญหาการเรียนภาษาอังกฤษแล้วไม่เข้าใจเนื้อหาที่เรียนไหม? ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นหรือเรียนมานานหลายปี ก็อาจพบกับช่วงเวลาที่รู้สึกว่าการเรียนรู้ไม่ได้ผล ทั้งที่ทุ่มเทเวลาไปมาก นี่เป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในหมู่ผู้เรียนภาษาแห่งประเทศไทย
สาเหตุหลักของการเรียนแล้วไม่เข้าใจ
ปัญหาความไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ มักมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย หลายคนใช้วิธีเรียนที่เน้นท่องจำคำศัพท์หรือกฎไวยากรณ์เป็นหลัก โดยขาดการฝึกฝนการนำไปใช้จริงในสถานการณ์ต่างๆ นอกจากนี้ การขาดการฝึกฟังพูดอย่างต่อเนื่องและการไม่เชื่อมโยงบทเรียนเข้ากับชีวิตประจำวันหรือความสนใจส่วนตัว ก็ยิ่งทำให้ภาษาเป็นเรื่องไกลตัว
3 เทคนิคแก้ไข ให้คุณพัฒนาภาษาอังกฤษเร็วขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ทางออกสำหรับการเรียนภาษาอังกฤษให้เข้าใจลึกซึ้งและใช้งานได้จริง ไม่จำเป็นต้องซับซ้อนเสมอไป โดยอาจเริ่มจากปรับวิธีการเรียนรู้ให้เหมาะสม ดังเทคนิคต่อไปนี้
- เทคนิคแรก จัดเวลา “หูฟัง” สม่ำเสมอ: ปัญหาการฟังไม่เข้าใจมักเป็นจุดเริ่มต้นของความไม่มั่นใจ ให้เริ่มต้นฟังเนื้อหาภาษาอังกฤษที่ระดับความยากเหมาะสมกับตัวเองในแต่ละวัน แม้เพียงวันละ 15-20 นาที โดยเริ่มจากบทสนทนาช้าๆ ชัดเจน เช่น ในรายการสอนภาษาอังกฤษ หนังการ์ตูนสนุกๆ หรือพอดแคสต์เบาๆ เมื่อคุ้นหูแล้วค่อยปรับสู่เนื้อหายากขึ้น การฟังซ้ำๆ ในระยะยาว จะช่วยปรับหูให้คุ้นเคยกับเสียง สำเนียง และจังหวะของภาษาได้เองโดยไม่ต้องพยายามแปลเป็นไทยในใจ
- เทคนิคที่สอง อ่านแบบไม่ต้องรู้ทุกคำศัพท์: หลายคนมักหยุดอ่านทุกครั้งที่เจอคำศัพท์ไม่รู้จัก สิ่งนี้ทำให้ขาดความต่อเนื่องและจับใจความสำคัญไม่ได้ ขอแนะนำให้เปลี่ยนเป็นอ่านบทความหรือเรื่องราวสั้นๆ ที่น่าสนใจก่อน ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกคำ แต่โฟกัสที่การจับใจความหลักและการเดาความหมายของคำศัพท์ใหม่จากบริบทรอบข้าง ซึ่งเป็นทักษะที่มีประโยชน์มากกว่าการเปิดดิกชันนารี่บ่อยๆ ลองใช้วิธีนี้จะพบว่าคุณสามารถเข้าใจใจความสำคัญได้ แม้จะมีบางคำที่ไม่รู้ความหมายเป๊ะ
- เทคนิคที่สาม เริ่มเขียนประโยคง่ายๆ ด้วยตัวเอง: แทนที่จะจดจำแต่หลักไวยากรณ์โครงสร้างซับซ้อน ให้ทดลองเอาหลักการง่ายๆ ที่เพิ่งเรียนมาสร้างประโยคด้วยตัวเอง เริ่มจากเรื่องใกล้ตัว เช่น เขียนบรรยายสิ่งที่ทำในวันนี้ เป้าหมายในสัปดาห์นี้ หรือความเห็นเกี่ยวกับหนังที่เพิ่งดู อาจเป็นเพียงประโยคสั้นๆ แค่ 3-5 ประโยคต่อวันก็ได้ เป้าหมายคือการฝึกนำโครงสร้างภาษามาประยุกต์ใช้จริงในแบบของตัวเอง ซึ่งจะช่วยให้คุณจดจำและเข้าใจวิธีการสร้างประโยคได้อย่างเป็นธรรมชาติมากกว่าเพียงท่องจำหลักการ
การฝึกฝนตามสามวิธีข้างต้นมุ่งเน้นที่การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอมากกว่าความยาวนานในการฝึกแต่ละครั้ง โดยเฉพาะเทคนิคการฟังที่ควรทำทุกวันให้ติดเป็นนิสัย เมื่อนำเทคนิคทั้งหมดมาปรับใช้ควบคู่กันอย่างเหมาะสมและต่อเนื่อง จะสังเกตได้ถึงความคืบหน้าในการทำความเข้าใจภาษาอังกฤษในแบบที่ไม่ต้องพึ่งการท่องจำมากนัก
สุดท้ายนี้ การเรียนรู้ภาษาอย่างได้ผลต้องอาศัย ความสม่ำเสมอ และ ความอดทน มีหลายคนพบว่าการเปลี่ยนเป้าหมายจากการเรียนเพื่อให้ “รู้หมด” มาเป็นการเรียนเพื่อให้ “เข้าใจมากขึ้นกว่าเดิม” ในทุกๆ วัน ช่วยลดความกดดัน ทำให้การเรียนภาษาเป็นเรื่องน่าสนุกและเห็นการพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน