สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์ตรงๆ กับการสอนบน Palfish ที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินมาบ้าง หรือกำลังมองหาข้อมูลอยู่
ตอนแรกเลยนะ ผมเองก็เหมือนหลายๆ คนนั่นแหละครับ ได้ยินชื่อ Palfish มา ก็แบบ…เอ๊ะ มันคืออะไรวะ? แอปสอนภาษาอังกฤษให้เด็กจีนเหรอ? จะเวิร์คจริงป่าววะ? แล้วก็เห็นคนรีวิวกันเยอะแยะ ทั้งดีทั้งไม่ดี บางคนบอกได้เงินดี บางคนบอกนักเรียนหายาก โห สารพัดจะคอมเมนต์เลยครับ ทำเอาผมเองก็ลังเลอยู่พักใหญ่เหมือนกัน
จุดเริ่มต้นของการลองของจริง
แต่ด้วยความที่ช่วงนั้นมันว่างๆ บวกกับอยากหารายได้เสริม แล้วก็เป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆ อยู่แล้วด้วย ก็เลยตัดสินใจว่า เอ้า! ลองดูสักตั้งวะ! ไม่ลองไม่รู้ จะได้มาเล่าให้คนอื่นฟังได้ด้วยว่ามันเป็นยังไงกันแน่
ผมก็เริ่มจากไปโหลดแอปมาเลยครับ แล้วก็เริ่มขั้นตอนการสมัคร ซึ่งบอกตามตรงว่าตอนแรกก็แอบงงๆ นิดหน่อยกับขั้นตอนต่างๆ มันมีให้กรอกข้อมูลส่วนตัว อัดวิดีโอแนะนำตัว แล้วก็ที่สำคัญเลยคือการทำ Demo Class หรือการทดลองสอนนั่นแหละครับ
ประสบการณ์ตอนสมัครและ Demo Class
ไอ้ตอนทำ Demo Class เนี่ยแหละครับที่ตื่นเต้นสุดๆ เพราะเราต้องสอนเหมือนสอนเด็กจริงๆ เลย ต้องเตรียมตัวพอสมควร ทั้งเรื่องเนื้อหา วิธีการพูดจาทำยังไงให้เด็กสนใจ แล้วก็พวกอุปกรณ์ประกอบฉากนิดๆ หน่อยๆ ให้มันดูน่ารักตะมุตะมิหน่อย ผมจำได้เลยว่าซ้อมอยู่หลายรอบมากหน้ากระจก พูดคนเดียวไปเรื่อย ฮ่าๆๆ
สิ่งที่ผมเตรียมตัวหลักๆ ตอน Demo คือ:
- ศึกษาเนื้อหาที่ Palfish กำหนดมาให้เข้าใจถ่องแท้
- เตรียม Props ง่ายๆ เช่น ตุ๊กตามือ หรือภาพประกอบสีสันสดใส
- ซ้อมพูดให้เสียงดังฟังชัด มีพลัง ใช้โทนเสียงสูงต่ำดึงดูดความสนใจ
- สำคัญสุดคือต้องยิ้มแย้มแจ่มใส ทำเหมือนเราสนุกกับการสอนจริงๆ
พอถึงเวลา Demo จริง ก็มีเจ้าหน้าที่ของ Palfish มาดูเราสอนครับ ก็พยายามทำเต็มที่ไป ผลออกมาก็คือผ่านฉลุย! ดีใจมากครับตอนนั้น เหมือนยกภูเขาออกจากอก
เริ่มสอนจริง และสิ่งที่เจอระหว่างทาง
หลังจากผ่าน Demo แล้ว ก็ถึงเวลาเปิดรับนักเรียนจริงๆ ครับ ตอนแรกๆ นี่เงียบกริบเลยครับ ไม่มีนักเรียนจองเข้ามาเลย ผมก็เริ่มใจเสียละ เอ๊ะ หรือเราไม่เหมาะกับงานนี้วะ แต่ก็ยังไม่ถอดใจครับ ลองเข้าไปดูโปรไฟล์ครูคนอื่นๆ ที่เขามีนักเรียนเยอะๆ เขามีเทคนิคอะไรกันบ้าง
ผมก็เลยลองปรับโปรไฟล์ตัวเองใหม่ อัดคลิปแนะนำตัวให้มันดูมีชีวิตชีวามากขึ้น พยายามหาเวลาเข้าไปออนไลน์ในแอปบ่อยๆ เพื่อให้ผู้ปกครองเห็นว่าเราพร้อมสอนนะ แล้วก็เริ่มมีนักเรียนจองเข้ามาทีละคนสองคนครับ
ช่วงแรกๆ ที่สอนก็มีอุปสรรคบ้างครับ เช่น:
- เด็กบางคนสมาธิสั้นมาก: ต้องหาวิธีดึงความสนใจเขาตลอดเวลา เปลี่ยนกิจกรรมบ่อยๆ
- ปัญหาเรื่องอินเทอร์เน็ต: บางทีเน็ตฝั่งเด็กไม่ดีบ้าง ฝั่งเราสะดุดบ้าง ก็ต้องแก้ปัญหากันไป
- การสื่อสารกับผู้ปกครอง: บางทีผู้ปกครองก็มีคำถามเยอะแยะ เราก็ต้องใจเย็นๆ ค่อยๆ ตอบ
แต่สิ่งที่ผมประทับใจมากๆ คือเด็กๆ ส่วนใหญ่น่ารักมากครับ พวกเขากระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ แล้วพอเราเห็นพัฒนาการของเขา มันก็ทำให้เรามีกำลังใจในการสอนต่อไป
สรุปจากประสบการณ์ตรง
ถ้าถามผมว่า Palfish มันดีไหม? ผมคงตอบแบบนี้ครับว่า มันก็เหมือนงานอื่นๆ นั่นแหละ มีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องปรับตัว
ข้อดีที่ผมเห็นชัดๆ คือ:
- ความยืดหยุ่นเรื่องเวลา: เราเลือกเวลาสอนเองได้ เหมาะกับคนที่อยากหารายได้เสริม หรือมีงานประจำอยู่แล้ว
- ทำงานจากที่ไหนก็ได้: ขอแค่มีอินเทอร์เน็ตดีๆ กับอุปกรณ์พร้อม ก็สอนได้เลย
- ได้ฝึกภาษา: ถึงเราจะสอนภาษาอังกฤษ แต่ก็ได้เรียนรู้วัฒนธรรมจีนจากเด็กๆ ไปด้วย
ส่วนข้อที่อาจจะต้องพิจารณาคือ:
- รายได้ไม่แน่นอน: ขึ้นอยู่กับจำนวนนักเรียนที่เรามี ถ้าช่วงไหนนักเรียนน้อย รายได้ก็น้อยตาม
- การแข่งขันสูง: มีครูเก่งๆ เยอะ เราต้องพยายามพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ
- ต้องใช้พลังงานเยอะ: การสอนเด็กเล็กต้องใช้พลังงานสูงมาก ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
โดยรวมแล้ว ประสบการณ์ของผมกับ Palfish ก็ถือว่าเป็นไปในทางที่ดีนะครับ มันอาจจะไม่ได้ทำให้รวยเป็นกอบเป็นกำในทันที แต่มันก็เป็นช่องทางหารายได้เสริมที่ดีช่องทางหนึ่งเลยทีเดียว และที่สำคัญคือมันทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะมาก ทั้งทักษะการสอน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ
หวังว่าประสบการณ์ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ จะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจอยากจะลองสอนบน Palfish หรือแพลตฟอร์มอื่นๆ นะครับ ลองพิจารณาดูจากไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของตัวเอง แล้วก็ลองลุยดูเลยครับ!