สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองล้วนๆ เลยครับ เรื่องที่ว่าด้วย “ภาษาอังกฤษ ใช้กับลูก” เนี่ยแหละครับ
ตอนแรกๆ ที่คิดจะให้ลูกเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเนี่ยนะ เอาจริงๆ ก็ไม่ได้มีแผนอะไรมากมายหรอกครับ ก็เหมือนคนอื่นๆ แหละ ไปซื้อหนังสือมาบ้าง เปิดยูทูบให้ดูบ้าง บางทีก็พยายามพูดเป็นคำๆ กับเขา เช่น “dog” “cat” “apple” อะไรทำนองนั้น ผลลัพธ์? ก็งั้นๆ ครับ ลูกก็ดูบ้างไม่ดูบ้าง จำได้บ้างไม่ได้บ้างตามประสาเด็กเล็กทั่วไป
ช่วงนั้นก็ยอมรับเลยว่ามีท้อบ้างเหมือนกันนะ แบบว่า เอ๊ะ เราทำถูกทางรึเปล่า สำเนียงเราก็ไม่ได้เป๊ะ ลูกจะสับสนไหม หรือบางทีเราก็ลืมเองด้วยซ้ำว่าจะต้องพูดคำไหนกับเขานะ มันกลายเป็นว่าไม่ได้ทำอย่างสม่ำเสมอเท่าไหร่ครับ เหมือนกับว่าเราพยายามจะ “สอน” เขามากเกินไป จนบางทีมันดูฝืนๆ ทั้งตัวเราเองแล้วก็ตัวลูกด้วย
จุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงไหนรู้ไหมครับ? ผมมานั่งคิดดูดีๆ ว่าจริงๆ แล้วเป้าหมายเราคืออะไรกันแน่ เราอยากให้ลูกเป็นอัจฉริยะทางภาษาเลยรึเปล่า หรือแค่อยากให้เขาคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษ ไม่กลัวที่จะพูด ไม่กลัวที่จะฟัง พอคิดได้แบบนี้ปุ๊บ วิธีการมันก็เปลี่ยนไปเลยครับ
ผมเริ่มจากการเปลี่ยนมายด์เซ็ตตัวเองก่อนเลย คือ เลิก “สอน” แต่เปลี่ยนมาเป็น “ใช้” ให้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันจริงๆ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาสอนเป็นกิจจะลักษณะ ผมเริ่มทำแบบนี้ครับ:

- ตื่นนอน: ก็พูด “Good morning!” พร้อมกับกอด หอมแก้มเขา
- กินข้าว: ก็ชวนคุยง่ายๆ “Are you hungry?” “Yummy?” “Do you want more water?”
- อาบน้ำ: ก็พูดถึงอวัยวะต่างๆ “Let’s wash your hands, your face, your hair.”
- เล่นด้วยกัน: ก็พยายามแทรกคำศัพท์ง่ายๆ เข้าไป เช่น “Big ball” “Small car” “Where is teddy?”
- อ่านนิทาน: อันนี้สำคัญมาก ผมจะเลือกนิทานภาษาอังกฤษที่มีภาพเยอะๆ คำศัพท์ไม่ยาก แล้วก็อ่านให้เขาฟังด้วยน้ำเสียงสนุกๆ ชี้ชวนให้ดูภาพไปด้วย
- ร้องเพลง: เพลงเด็กภาษาอังกฤษง่ายๆ ติดหู เปิดคลอๆ ไป หรือร้องเล่นด้วยกัน
แรกๆ ก็มีเขินๆ บ้างนะ พูดผิดพูดถูกบ้าง แต่ก็พยายามทำให้เป็นธรรมชาติที่สุด ไม่ต้องกลัวผิดครับ สำคัญคือความสม่ำเสมอ แล้วก็อย่าไปคาดคั้นว่าลูกจะต้องพูดตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษทันทีทันใด
แล้วผลลัพธ์มันเป็นยังไงน่ะเหรอ? น่าทึ่งกว่าที่คิดครับ! ลูกผมเริ่มซึมซับไปเอง จากที่ฟังเฉยๆ ก็เริ่มมีคำภาษาอังกฤษหลุดออกมาบ้างเป็นคำๆ เช่น “apple” “milk” “more” หรือบางทีก็พูดวลีสั้นๆ ตามที่เราเคยพูดกับเขาบ่อยๆ เช่น “thank you” “good night” ถึงจะยังพูดเป็นประโยคยาวๆ ไม่ได้คล่องแคล่ว แต่เขาก็เข้าใจที่เราพูดมากขึ้นเยอะมาก ที่สำคัญคือ เขาดูสนุก ไม่ได้รู้สึกว่าโดนบังคับให้เรียน มันกลายเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันในครอบครัวอย่างมีความสุขไปเลยครับ
ตอนนี้ก็ยังทำอยู่เรื่อยๆ นะครับ ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะต้องเป็น Native Speaker อะไรขนาดนั้น แค่อยากให้เขาเปิดใจกับภาษา มีทัศนคติที่ดีกับภาษาอังกฤษ ไม่กลัวที่จะเรียนรู้ ผมเชื่อว่านี่คือพื้นฐานสำคัญที่สุดแล้วครับ ที่เหลือเดี๋ยวเขาไปต่อยอดเองได้เมื่อถึงเวลาของเขาเอง ใครที่กำลังเริ่มต้นอยู่ ลองเอาวิธีของผมไปปรับใช้ดูได้นะครับ ไม่ต้องเป๊ะตามนี้ก็ได้ เอาที่เราสะดวกและมีความสุขที่จะทำครับ สู้ๆ ครับ!