เอาล่ะครับ วันนี้จะมาเล่าเรื่องที่ผมลองผิดลองถูกกับการสอนภาษาอังกฤษให้เจ้าตัวเล็กที่บ้านนี่แหละครับ ลูกผมเองเลย ตอนแรกก็คิดหนักอยู่เหมือนกันนะ ว่าจะเริ่มยังไงดี เด็กอนุบาลเนี่ย จะไปยัดเยียดแกรมมาร์เหมือนผู้ใหญ่ก็คงไม่ใช่เรื่อง
จุดเริ่มต้นความคิด
คือผมเห็นว่าภาษาอังกฤษมันสำคัญใช่ไหมครับ ยุคนี้สมัยนี้แล้ว ถ้าลูกเราได้เปรียบเรื่องภาษาก็น่าจะดี เลยคิดว่าเออ…ลองสอนเองดูดีกว่าไหม เริ่มจากสนุกๆ ไม่ต้องเคร่งเครียดอะไรมาก กะว่าให้เค้าคุ้นเคยกับเสียง กับคำศัพท์ง่ายๆ ไปก่อน
ลงมือเตรียมการ
ผมเริ่มจากไปเดินดูตามร้านหนังสือเลยครับ หาพวกหนังสือภาพคำศัพท์สำหรับเด็กเล็กๆ บัตรคำ (Flashcards) สีสันสดใสๆ หน่อย แล้วก็พวกเพลงเด็กภาษาอังกฤษง่ายๆ ที่ทำนองสนุกๆ ผมว่าเพลงนี่แหละตัวช่วยชั้นดีเลย
- บัตรคำศัพท์: เลือกอันที่ภาพใหญ่ชัดเจน สีสวยๆ พวกรูปสัตว์ ผลไม้ ของใช้ในบ้าน
- หนังสือภาพ: เน้นเล่มที่ตัวหนังสือน้อยๆ รูปเยอะๆ เอาไว้ชี้ชวนคุย
- เพลง: โหลดเพลงเด็กภาษาอังกฤษติดเครื่องไว้เลย พวก ABC Song, Head Shoulders Knees and Toes อะไรทำนองนี้
- ของเล่นเสริมทักษะ: บางทีก็มีพวกตัวต่อ ABC หรือของเล่นที่กดแล้วมีเสียงภาษาอังกฤษออกมา
เตรียมของพวกนี้ไว้เยอะเหมือนกันครับ กะว่าถ้าเบื่ออันนึง ก็หยิบอีกอันมาเล่นได้เลย
ขั้นตอนการลองสอนจริง
เอาจริงๆ นะครับ ช่วงแรกลูกผมก็มองหน้าผมแบบงงๆ ว่าพ่อทำอะไร ฮ่าๆ ผมก็ไม่ได้คาดหวังว่าเค้าจะเข้าใจหรือพูดตามได้ทันทีหรอกครับ

สิ่งที่ผมทำก็คือ:
1. เริ่มจากบัตรคำศัพท์: ผมจะหยิบบัตรคำขึ้นมาทีละใบ ชี้ที่รูปแล้วก็พูดคำศัพท์นั้นๆ ช้าๆ ชัดๆ เช่น ชี้รูปแมว ก็พูดว่า “Cat” แล้วก็ทำเสียง “เหมียวๆ” ประกอบไปด้วย ให้มันดูน่าสนใจ เค้าก็จะหัวเราะคิกคัก
2. ร้องเพลง เต้นตาม: เปิดเพลงเด็กภาษาอังกฤษ แล้วผมก็ร้องตาม เต้นตามไปด้วยเลย ชวนเค้าทำท่าทางตามเพลง แรกๆ เค้าก็มองเฉยๆ หลังๆ เริ่มมีโยกหัวตามบ้าง ยิ้มบ้าง ผมถือว่าโอเคแล้ว
3. อ่านหนังสือภาพ: ก่อนนอน หรือเวลาว่างๆ ผมจะเอาหนังสือภาพมาเปิด ชี้รูปนั้นรูปนี้ แล้วก็พูดเป็นภาษาอังกฤษสั้นๆ เช่น “Big elephant”, “Red apple” ไม่เน้นให้อ่านตาม เน้นให้เค้าเห็นภาพกับได้ยินเสียง
4. สอดแทรกในชีวิตประจำวัน: อันนี้ผมว่าเวิร์คสุด ตอนหยิบจับอะไร หรือเห็นอะไร ก็จะพยายามพูดเป็นคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้เค้าได้ยินบ่อยๆ เช่น หยิบแก้วนม ก็พูด “Milk” จะใส่รองเท้า ก็พูด “Shoes” คือพูดไปเรื่อย ไม่ต้องกดดัน
5. เล่นเกมง่ายๆ: เช่น เอาบัตรคำมาวาง แล้วให้เค้าลองหยิบอันที่ผมพูด หรือไม่ก็ให้เค้าชี้ตามที่เราบอก เช่น “Where is the dog?” เค้าชี้ถูกก็ปรบมือให้กำลังใจกันไป
อุปสรรคและสิ่งที่เจอ
แน่นอนครับว่ามันไม่ได้ราบรื่นตลอด บางวันลูกก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย หรือบางทีสอนไปแล้วเค้าก็ไม่สนใจ มองไปทางอื่น อันนี้ก็ต้องทำใจครับ เด็กเล็กสมาธิเค้าสั้นเป็นปกติ
- ความเบื่อ: ทำกิจกรรมเดิมๆ ซ้ำๆ ลูกก็เบื่อครับ ต้องคอยเปลี่ยนรูปแบบไปเรื่อยๆ
- ไม่ยอมพูดตาม: บางคำเค้าก็ไม่ยอมพูดตาม หรือพูดแล้วเพี้ยนไปเลย ผมก็จะไม่บังคับครับ แค่พูดให้เค้าฟังบ่อยๆ เดี๋ยวเค้าก็ซึมซับไปเอง
- ความอดทนของเรา: อันนี้สำคัญเลย บางทีสอนไปแล้วลูกจำไม่ได้ เราก็แอบท้อเหมือนกันนะ แต่ก็ต้องฮึดสู้ บอกตัวเองว่าค่อยเป็นค่อยไป
ผลลัพธ์ที่ได้และความรู้สึก
หลังจากที่ลองทำแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆ นะครับ สิ่งที่เห็นได้ชัดเลยคือ ลูกผมเริ่มคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษมากขึ้น เค้าอาจจะยังพูดเป็นประโยคยาวๆ ไม่ได้หรอกครับ แต่พวกคำศัพท์ง่ายๆ ที่ใช้บ่อยๆ นี่เริ่มจำได้แล้ว
บางทีเค้าก็ชี้ไปที่สิ่งของแล้วพยายามจะพูดคำนั้นเป็นภาษาอังกฤษ ถึงจะยังไม่ชัดเป๊ะ แต่ผมก็ดีใจแล้วครับ อย่างน้อยเค้าก็ไม่กลัวภาษาอังกฤษ มองว่ามันเป็นเรื่องสนุกสนานอย่างหนึ่ง เวลาเปิดเพลงภาษาอังกฤษ เค้าก็โยกตาม ร้องฮัมๆ ได้บ้าง
สิ่งที่ผมเรียนรู้จากการสอนลูกเองคือ:
- ความสม่ำเสมอสำคัญที่สุด: ทำทุกวัน วันละนิดวันละหน่อย ดีกว่าทำเยอะๆ แต่นานๆ ที
- อย่าคาดหวังสูง: เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันครับ ค่อยๆ สอนไปตามธรรมชาติของเค้า
- ทำให้เป็นเรื่องสนุก: ถ้าเค้ารู้สึกสนุก เค้าจะอยากเรียนรู้เอง
- ชมเชยและให้กำลังใจ: คำชมเล็กๆ น้อยๆ นี่เป็นพลังให้เด็กๆ ได้เยอะเลยครับ
สรุปแล้ว การสอนภาษาอังกฤษเด็กอนุบาลสำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องของการท่องจำแกรมมาร์อะไรยากๆ เลยครับ มันคือการสร้างความคุ้นเคย สร้างทัศนคติที่ดีต่อภาษามากกว่า ให้เค้ารู้สึกว่าภาษาอังกฤษก็เป็นอีกภาษาหนึ่งที่น่าสนใจและสนุกที่จะเรียนรู้ ผมว่าแค่นี้ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วล่ะครับ ใครมีลูกเล็กๆ ลองเอาวิธีของผมไปปรับใช้ดูได้นะครับ ไม่ต้องเป๊ะตามนี้ก็ได้ เอาที่เรากับลูกมีความสุขก็พอครับ