สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงของตัวเองเลยกับเรื่องที่หลายคนน่าจะเคยผ่านหูผ่านตา หรือตั้งเป้ากันไว้ นั่นก็คือเรื่อง อยาก เก่ง ภาษา อังกฤษ นี่แหละครับ ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยคิดแบบนั้น แล้วก็ลองผิดลองถูกมาเยอะพอสมควรเลย
จุดเริ่มต้นและความพยายามยุคแรก
ตอนแรกๆ เลยนะ ก็เหมือนคนทั่วไปแหละครับ เรียนในห้องเรียนตามหลักสูตร จำได้ว่าครูสอนแกรมมาร์เยอะมาก Tense นั่นนี่นู่น โอ้โห ปวดหัวไปหมด เรียนไปก็งั้นๆ สอบเสร็จก็คืนครูหมด ไม่ได้ซึมซับอะไรเข้าหัวเลยจริงๆ พอโตขึ้นมาหน่อย เริ่มเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะงานบางอย่างมันต้องใช้ หรือเวลาไปเที่ยวต่างประเทศเงี้ย ลำบากเลยครับ สื่อสารกับใครก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่อง
ผมก็เลยเริ่มหาทางใหม่ ลองไปซื้อหนังสือแกรมมาร์มาอ่านเอง อ่านได้ไม่กี่หน้าก็เบื่อครับ มันแห้งแล้งเหลือเกิน ศัพท์ก็ยาก จำไม่ได้หรอก เลยหันไปพึ่งพวกแอปพลิเคชันสอนภาษาต่างๆ ก็ดีขึ้นมาหน่อยนะ ได้ศัพท์เพิ่มขึ้นเยอะเลย แต่พอจะเอาไปพูดจริงๆ มันก็ติดๆ ขัดๆ นึกคำไม่ออก เรียงประโยคไม่ถูกอยู่ดี เหมือนรู้แต่ใช้ไม่เป็นอ่ะครับ
เปลี่ยนแนวคิด ลองผิดลองถูกของจริง
จนกระทั่งมีช่วงนึง ผมได้ดูคลิปของฝรั่งคนนึงเขาพูดถึงการเรียนภาษา เขาบอกว่า “อย่าไปกลัวผิด ให้พูดออกไปเลย” คำนี้มันจึ้กเข้ามาในหัวเลยครับ เออจริงว่ะ เรามัวแต่กลัวนู่นกลัวนี่ กลัวพูดผิด กลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ มันก็เลยไม่กล้าพูดสักที
หลังจากนั้น ผมเปลี่ยนวิธีคิดใหม่หมดเลยครับ

- เริ่มจากการฟังเยอะๆ: ผมเริ่มดูหนังฝรั่ง ซีรีส์ฝรั่ง แบบเปิดซับอังกฤษเลยครับ แรกๆ ก็อ่านซับไม่ทันหรอก ฟังก็ไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทนดูไปเรื่อยๆ พยายามจับคำที่เขาพูดบ่อยๆ แล้วก็ฟังเพลงสากล อ่านเนื้อเพลงตามไปด้วย มันช่วยให้คุ้นเคยกับสำเนียงและคำศัพท์มากขึ้นจริงๆ นะ
- อ่านสิ่งที่เราสนใจ: ผมชอบอ่านข่าวเทคโนโลยี ก็เลยลองหาบทความภาษาอังกฤษง่ายๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีมาอ่าน แรกๆ ก็เปิดดิกชันนารีเป็นว่าเล่นเลย หลังๆ ก็เริ่มเดาความหมายจากบริบทได้มากขึ้น
- หาโอกาสพูด: อันนี้ยากสุดสำหรับผม เพราะเป็นคนขี้อาย แต่ก็ต้องลอง ผมเริ่มจากคุยกับเพื่อนต่างชาติในเกมออนไลน์บ้าง หรือถ้ามีโอกาสเจอฝรั่งจริงๆ ก็พยายามชวนคุยเรื่องง่ายๆ ถามทางบ้าง สั่งอาหารบ้าง ผิดๆ ถูกๆ ก็ช่างมัน ขอให้ได้พูดออกไปก่อน
- เลิกท่องแกรมม่าแบบนกแก้วนกขุนทอง: ไม่ได้หมายความว่าแกรมมาร์ไม่สำคัญนะ แต่มันจะมาเองจากการใช้งานจริงมากกว่า พอเราฟังเยอะ อ่านเยอะ พูดเยอะ สมองมันจะเริ่มจับรูปแบบประโยคได้เองโดยอัตโนมัติ ไม่ต้องมานั่งท่องว่า Subject + Verb ช่องนั้นช่องนี้
ผลลัพธ์ที่ค่อยๆ เห็นผล
ช่วงแรกๆ ก็ท้อใจบ้างนะ รู้สึกว่าทำไมมันไม่เก่งขึ้นสักทีวะ แต่ก็พยายามทำต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุด สิ่งที่สังเกตได้คือ ผมเริ่มฟังฝรั่งพูดรู้เรื่องมากขึ้น จากที่เคยฟังได้เป็นคำๆ ก็เริ่มจับใจความได้เป็นประโยค เวลาดูหนังก็เริ่มเข้าใจมุกตลกของเขามากขึ้นโดยไม่ต้องรออ่านซับไทย
พอเริ่มฟังเข้าใจ การพูดมันก็เริ่มตามมาเองครับ ถึงจะยังพูดไม่คล่องปรื๋อเหมือนเจ้าของภาษา แต่ก็กล้าพูดมากขึ้น กล้าที่จะถาม กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นเป็นภาษาอังกฤษ คำศัพท์ที่เคยท่องๆ ไว้มันก็ผุดขึ้นมาในหัวเองเวลาต้องการจะใช้ มันเหมือนกับว่าสมองเรามันจัดเก็บข้อมูลไว้แล้ว พอถึงเวลาต้องใช้ มันก็ดึงออกมาได้เอง
ทุกวันนี้ ผมก็ยังไม่ได้เก่งระดับเทพอะไรขนาดนั้นนะครับ ยังมีคำศัพท์อีกเยอะที่ต้องเรียนรู้ แกรมมาร์บางจุดก็ยังใช้ผิดๆ ถูกๆ บ้าง แต่ที่แน่ๆ คือผมไม่กลัวการใช้ภาษาอังกฤษอีกต่อไปแล้ว สามารถสื่อสารในชีวิตประจำวันได้ ดูหนังฟังเพลงรู้เรื่อง อ่านบทความภาษาอังกฤษได้เข้าใจมากขึ้น มันเปิดโลกให้ผมกว้างขึ้นเยอะเลยครับ
ใครที่กำลังพยายามอยู่ ผมอยากจะบอกว่าสู้ๆ นะครับ อย่าท้อ ลองหาวิธีที่เหมาะกับตัวเอง แล้วก็ลงมือทำมันอย่างสม่ำเสมอ ไม่ต้องกลัวผิดพลาด เพราะความผิดพลาดนี่แหละที่จะทำให้เราเก่งขึ้นครับ!